การศึกษาความคิดเห็นของประชาชนต่อการเลือกตั้งผู้ว่าราชการจังหวัด กรณีศึกษาจังหวัดพิจิตร
ไม่มีรูปตัวอย่าง
ปีที่เผยแพร่
2557
Journal Title
Journal ISSN
Volume Title
ประเภทของทรัพยากร
วิทยานิพนธ์/Thesis
ชนิดของไฟล์ข้อมูล
application/pdf
ภาษา
หน่วยงานที่เผยแพร่
มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม
ผู้ครอบครองสิทธิ์
มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม
สิทธิ์ในการใช้งาน
ผลงานนี้เผยแพร่ภายใต้ สัญญาอนุญาตครีเอทีฟคอมมอนส์แบบแสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 4.0 (CC BY-NC-ND 4.0)
ชื่อเรื่อง
การศึกษาความคิดเห็นของประชาชนต่อการเลือกตั้งผู้ว่าราชการจังหวัด กรณีศึกษาจังหวัดพิจิตร
ชื่อเรื่องอื่น
The Study of Public to Elected Governor : A Case Study Phichit Province
ผู้แต่ง
ผู้แต่งร่วม
อาจารย์ที่ปรึกษา
หน่วยงานที่สังกัด
ระดับปริญญา
ชื่อปริญญา
สาขาวิชา
มหาวิทยาลัยที่ประสาทปริญญา
มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม
เนื้อเรื่องย่อ/สาระสังเขป
การวิจัยในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อศึกษาความคิดเห็นของประชาชนต่อการเลือกตั้งผู้ว่าราชการจังหวัด 2) เพื่อเปรียบเทียบความคิดเห็นของประชาชนเกี่ยวกับการเลือกตั้งผู้ว่าราชการจังหวัด และ 3) เพื่อเสนอแนะต่อแนวทางความเป็นไปได้ของผู้ว่าที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชนโดยตรงกรณีศึกษาจังหวัดพิจิตร ซึ่งเป็นการวิจัยเชิงปริมาณ ใช้กลุ่มตัวอย่างที่ได้จากการกำหนดขนาดด้วยตารางสำเร็จรูปของ “Taro Yamane” ที่จำนวน 400 คน เครื่องมือที่ใช้สำหรับการเก็บรวบรวมข้อมูลได้แก่ แบบสอบถาม วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติเชิงพรรณนา โดยนำมาแจกแจงความถี่ หาค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย และดำเนินงานตามมาตรฐาน และสถิติอนุมาน โดยการหาค่าสถิติทดสอบ (t - test) ค่าสถิติทดสอบ (F - test)
ผลการวิจัยพบว่า
1.ความคิดเห็นของประชาชนที่มีต่อการเลือกตั้งผู้ว่าราชการจังหวัด กรณีศึกษาจังหวัดพิจิตรทั้งหมด 4 ด้าน พบว่า ในภาพรวม อยู่ในระดับปานกลาง และเมื่อพิจารณาเป็นรายด้าน ด้านที่มีค่าเฉลี่ยสูงสุด คือ ด้านการพัฒนา และรองลงมาตามลำดับ คือ ด้านการกระจายอำนาจและการมีส่วนร่วมของประชาชน ด้านการบริหารงานแบบมุ่งผลสัมฤทธิ์ และด้านการจัดบริการสาธารณะตามหลักของ NPM (New Public Management)
2.เปรียบเทียบความคิดเห็นของประชาชนเกี่ยวกับการเลือกตั้งผู้ว่าราชการจังหวัด จำแนกตามปัจจัยส่วนบุคคล พบว่า อายุ สถานภาพสมรส อาชีพ และรายได้ มีความคิดเห็นแตกต่างกันทั้งหมด 4 ด้าน ได้แก่ ด้านการพัฒนา ด้านการกระจายอำนาจและการมีส่วนร่วมของประชาชน ด้านการจัดบริการสาธารณะตามหลัก NPM (New Public Management) และด้านการบริหารงานแบบมุ่งผลสัมฤทธิ์ ส่วนเพศ และระดับการศึกษา พบว่า ทุกด้านไม่มีความแตกต่างกัน อย่างไม่มีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05
3.ข้อเสนอแนะต่อแนวทางความเป็นไปได้ของผู้ว่าที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชนโดยตรง พบว่า ประชาชนได้แสดงความคิดเห็นว่า มากการเลือกตั้งผู้ว่าที่มาจากประชาชนโดยตรงเป็นไปได้จริง ก็ถือว่าเป็นกระบวนการสำคัญที่จะทำให้ประชาชนในท้องถิ่นได้เข้ามามีส่วนร่วมในการเลือกตัวแทนที่ดีและคนที่ตนเองไว้วางใจเข้าไปมีบทบาททางการเมืองแทนตน แต่ถึงอย่างนั้นก็ตามกระแสของสังคมในปัจจุบันก็ได้มีคนหลายกลุ่มต่างแสดงความคิดเห็น และวิพากษ์วิจารณ์ถึงผลดี ผลเสีย ที่จะเกิดขึ้นตามมา เพราะการเลือกตั้งผู้ว่าที่มาจากประชาชนโดยตรงนั้น ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในประเทศไทย ดังนั้น หากกระบวนการนี้จะเกิดผลได้จริงในทางปฏิบัติ จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่ง ที่องค์กรทุกภาคส่วนจะต้องมีการทำประชามติระดับชาติร่วมกัน เพื่อวางแผนและหาแนวทางที่สอดคล้องกับระบบการเมืองการปกครองของประเทศอย่างจริงจัง โดยเฉพาะการพิจารณาถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้นตั้งแต่ระดับชุมชน สังคม จนถึงระดับประเทศชาติอย่างรอบคอบ เพื่อป้องกันปัญหาการทุจริต คอร์ปชั่น ที่ยังเป็นปัญหาเรื้อรังในการตรวจสอบและแก้ไขมายาวนาน
รายละเอียด
การอ้างอิง
อิเล็กทรอนิกส์ลิงค์
แหล่งทุนหรือหน่วยงานที่สนับสนุนการทำงานวิจัย
การอ้างอิง
ชัชพิสิฐ เกตุหอม. (2557). การศึกษาความคิดเห็นของประชาชนต่อการเลือกตั้งผู้ว่าราชการจังหวัด กรณีศึกษาจังหวัดพิจิตร [วิทยานิพนธ์รัฐประศาสนศาสตรมหาบัณฑิต, มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม]. https://psruir.psru.ac.th/handle/123456789/116