คณะครุศาสตร์

Permanent URI for this communityhttps://psruir.psru.ac.th/handle/123456789/131

ค้นหา

ผลการค้นหา

กำลังแสดง1 - 3 of 3
  • รายการ
    การพัฒนาแหล่งเรียนรู้ออนไลน์ เรื่องศาสตร์พระราชาสำหรับนักเรียนระดับชั้นประถมศึกษาตอนปลาย
    (มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม, 2565) นันทพร ดอนจันทร์เขียว; ธนสาร เพ็งพุ่ม; อารีย์ วรรณชัย
    งานวิจัยครั้งนี้ เป็นการวิจัยเพื่อศึกษาแหล่งเรียนรู้ออนไลน์เรื่องศาสตร์พระราชา สำหรับนักเรียนระดับชั้นประถมศึกษาตอนปลาย โดยเป็นการศึกษาความกระบวนการของการวิจัยและพัฒนา โดยมีวัตถุประสงค์ของการวิจัย ดังนี้ 1) เพื่อศึกษาขอบเขตเนื้อหาของศาสตร์พระราชา สำหรับนักเรียนระดับชั้นประถมศึกษาตอนปลาย 2) เพื่อศึกษาความต้องการแหล่งเรียนรู้ออนไลน์เรื่องศาสตร์พระราชา สำหรับนักเรียนระดับชั้นประถมศึกษาตอนปลาย 3) เพื่อสร้างและหาประสิทธิภาพของแหล่งเรียนรู้ออนไลน์ เรื่องศาสตร์พระราชา สำหรับนักเรียนระดับชั้นประถมศึกษาตอนปลาย 4) เพื่อทดลองใช้แหล่งเรียนรู้ออนไลน์ เรื่องศาสตร์พระราชา สำหรับนักเรียนระดับชั้นประถมศึกษาตอนปลาย 4.1) เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนเรียนและหลังเรียนของนักเรียนที่เรียนโดยใช้แหล่งเรียนรู้ออนไลน์ เรื่องศาสตร์พระราชา สำหรับนักเรียนระดับชั้นประถมศึกษาตอนปลาย 4.2) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อแหล่งเรียนรู้ออนไลน์ เรื่องศาสตร์พระราชา สำหรับนักเรียนระดับชั้นประถมศึกษาตอนปลาย 4.3) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการจัดการเรียนรู้โดยใช้แหล่งเรียนรู้ออนไลน์ เรื่องศาสตร์พระราชา สำหรับนักเรียนระดับชั้นประถมศึกษาตอนปลาย ผลการวิจัยพบว่า 1) ขอบเขตเนื้อหาของศาสตร์พระราชามีความเหมาะสมสำหรับนักเรียนระดับชั้นประถมศึกษาตอนปลาย และมีความสอดคล้องตรงตามหลักสูตร 2) ความต้องการแหล่งเรียนรู้ออนไลน์ เรื่องศาสตร์พระราชา สำหรับนักเรียนระดับชั้นประถมศึกษาตอนปลายทั้งสามระดับชั้นอยู่ในระดับมากที่สุด 3) ประสิทธิภาพของแหล่งเรียนรู้ออนไลน์ เรื่องศาสตร์พระราชา สำหรับนักเรียนระดับชั้นประถมศึกษาตอนปลาย มีค่าเท่ากับ 81.86/82.55 ซึ่งเป็นไปตามเกณฑ์มาตรฐานที่ตั้งไว้ คือ 80/80 4) การทดลองใช้แหล่งเรียนรู้ออนไลน์ เรื่องศาสตร์พระราชา สำหรับนักเรียนระดับชั้นประถมศึกษาตอนปลาย 4.1) นักเรียนที่ได้เรียนกับแหล่งเรียนรู้ออนไลน์ เรื่องศาสตร์พระราชา สำหรับนักเรียนระดับชั้นประถมศึกษาตอนปลาย มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 4.2) นักเรียนมีความพึงพอใจต่อแหล่งเรียนรู้ออนไลน์ เรื่องศาสตร์พระราชา สำหรับนักเรียนระดับชั้นประถมศึกษาตอนปลาย ในระดับมากที่สุด 4.3) นักเรียนมีความพึงพอใจต่อการจัดการเรียนรู้โดยใช้แหล่งเรียนรู้ออนไลน์ เรื่องศาสตร์พระราชา สำหรับนักเรียนระดับชั้นประถมศึกษาตอนปลาย ในระดับมากที่สุด
  • รายการ
    การพัฒนาหลักสูตรรายวิชาเพิ่มเติมผดุงราษฎร์ศึกษา กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษาศาสนาและวัฒนธรรม สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปี ที่ 4
    (มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม, 2565) พรทิพา สิทธิวงค์; อารีย์ ปริติกุล
    การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อสร้างและหาคุณภาพของหลักสูตรรายวิชาเพิ่มเติมผดุงราษฎร์ศึกษา กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 2) เพื่อศึกษาผลการทดลองใช้หลักสูตรโดยเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนของนักเรียนโดยใช้ หลักสูตรผดุงราษฎร์ศึกษากับเกณฑ์ร้อยละ 70 ของคะแนนเต็ม และศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการจัดการเรียนการสอนตามหลักสูตรผดุงราษฎร์ศึกษา กลุ่มตัวอย่าง คือ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4/1 โรงเรียนผดุงราษฎร์ ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2565 จำนวน 30 คน ซึ่งได้มาโดยการสุ่มแบบแบ่งกลุ่ม (Cluster Random Sampling) ใช้ห้องเรียนเป็นหน่วยในการสุ่ม เครื่องมือที่ใช้ประกอบด้วย 1) หลักสูตรรายวิชาเพิ่มเติมผดุงราษฎร์ศึกษา 2) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน 3) แบบประเมินความพึงพอใจที่มีต่อการจัดการเรียนการสอน ใช้เวลาในการการจัดกิจกรรมการเรียนการสอน ทั้งสิ้น 20 ชั่วโมง สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ยและส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน สถิติทดสอบสมมติฐาน คือ One Sample t – test ผลการวิจัยพบว่า 1. หลักสูตรรายวิชาเพิ่มเติม ผดุงราษฎร์ศึกษา กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม มีองค์ประกอบของหลักสูตร คือ หลักการ จุดมุ่งหมาย คำอธิบายรายวิชา ผลการเรียนรู้ โครงสร้างหลักสูตร หน่วยการเรียนรู้ จำนวน 5 หน่วย ได้แก่ หน่วยโรงเรียนผดุงราษฎร์ หน่วยพระเยซูคริสต์ หน่วยวิถีผดุงราษฎร์ หน่วยม่วงเหลือง ร่วมใจ และหน่วยมารยาทงาม สมนามผดุงราษฎร์ แนวทางการจัดการเรียนรู้ของหลักสูตร สื่อและแหล่งเรียนรู้ การวัดผลประเมินผลมีความเหมาะสมอยู่ในระดับดีมาก คู่มือการใช้หลักสูตรอยู่ในระดับดี แผนการจัดการเรียนรู้มีคุณภาพอยู่ในระดับดี 2. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนของนักเรียนหลังเรียนสูงกว่าเกณฑ์ร้อยละ 70 อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 3. ผลการศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อกิจกรรมการเรียนการสอนหลักสูตรผดุงราษฎร์ศึกษา มีความพึงพอใจอยู่ในระดับมาก
  • รายการ
    การพัฒนาหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ (e-book) เรื่องความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจ รายวิชาสังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรมสำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปี ที่ 2 โรงเรียนเทศบาลวัดไทยชุมพล (ดำรงประชาสรรค์) อำเภอเมือง จังหวัดสุโขทัย
    (มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม, 2565) ฉัตรญาณิน แก้วกอ; บัญชา สำรวยรื่น
    งานวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) สร้างและหาประสิทธิภาพของหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ (e-book) เรื่องความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจ รายวิชาสังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม ให้มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80 2) เปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนก่อนและหลังการเรียนรู้โดยใช้หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ (e-book) และระหว่างกลุ่มทดลองและกลุ่มควบคุม และ 3) ศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการใช้หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ (e-book) กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยได้แก่ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2โรงเรียนเทศบาลวัดไทยชุมพล (ดำรงประชาสรรค์) ที่กำลังศึกษาอยู่ในภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2563 ใช้วิธีการสุ่มอย่างง่ายโดยการจับฉลากแบบคืนที่ เพื่อเลือกห้องเรียนกลุ่มทดลองและกลุ่มควบคุม จำนวน 2ห้องเรียน ห้องเรียนละ 40 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยประกอบด้วย 1) หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ (e-book) เรื่องความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจ รายวิชาสังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม 2) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน 3) แบบสอบถามความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการใช้หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ (e-book) การวิเคราะห์ข้อมูลใช้ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และสถิติทดสอบค่าทีแบบไม่อิสระต่อกัน ผลการวิจัยพบว่า 1) หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ (e-book) เรื่องความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจ รายวิชาสังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม มีประสิทธิภาพเป็นไปตามเกณฑ์ 80/80 โดยด้านเนื้อหา อยู่ในระดับดีมาก (x̄ = 4.84, S.D. =0.25) ด้านเทคนิค อยู่ในระดับดี (x̄=4.24, S.D.= 0.74) 2) ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนหลังเรียนด้วยหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ (e-book) สูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 และผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนของกลุ่มทดลองสูงกว่ากลุ่มควบคุมอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ . 05 และ3) นักเรียนมีความพึงพอใจต่อการเรียนรู้โดยใช้หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ (e-book) ในระดับมาก (x̄= 4.36S.D.= 0.57)