คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์

Permanent URI for this communityhttps://psruir.psru.ac.th/handle/123456789/170

ค้นหา

ผลการค้นหา

กำลังแสดง1 - 7 of 7
  • รายการการเข้าถึงแบบเปิด
    การศึกษาสมรรถภาพที่จำเป็นในการจัดการเรียนการสอนโดยยึดผู้เรียนเป็นสำคัญของผู้สอนระดับปริญญาตรี สาขาดนตรี : เฉพาะมหาวิทยาลัยราชภัฏภาคเหนือตอนล่าง
    (มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม, 2549) สธน โรจนตระกูล
    การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ของการวิจัยเพื่อศึกษาสมรรถภาพที่จำเป็นในการจัดการเรียนการสอนโดยยึดผู้เรียนเป็นสำคัญ และเพื่อเปรียบเทียบสมรรถภาพในการจัดการเรียนการสอนโดยยึดผู้เรียนเป็นสำคัญของผู้สอนระดับปริญญาตรี สาขาวิชาดนตรี มหาวิทยาลัยราชภัฏกลุ่มภาคเหนือตอนล่าง โดยจำแนกตามวุฒิทางการศึกษา ประสบการณ์ในการสอน และขนาดของโปรแกรมวิชา กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้เป็นผ็สอนระดับปริญญาตรี สาขาวิชาดนตรี มหาวิทยาลัยราชภัฏ กลุ่มภาคเหนือตอนล่าง ปีการศึกษา 2549 ซึ่งได้มาโดยการเจาะจงจำนวนกลุ่มตัวอย่าง 42 คน เก็บข้อมูลได้ 38 ฉบับ เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยเป็นแบบประเมินสมรรถภาพที่จำเป็นในการจัดการเรียนการสอนโดยยึดผู้เรียนเป็นสำคัญ แบ่งเป็น 4 ด้านคือ ความรู้ความเข้าใจในการวางแผนการสอน การจัดกิจกรรมการสอน การสนับสนุนและสร้างแหล่งการเรียนรู้ การวัดและประเมินผลวิเคราะห์ข้อมูลโดยการหาค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการทดลองค่า F- test ผลการวิจัยพบว่า 1. สมรรถภาพที่จำเป็นในการจัดการเรียนการสอนโดยยึดผู้เรียนเป็นสำคัญของผู้สอนระดับปริญญาตรี สาขาดนตรี มหาวิทยาลัยราชภัฏกลุ่มภาคเหนือตอนล่าง โดยรวมทุกด้านอยู่ในระดับมาก 2. สมรรถภาพที่จำเป็นในการจัดการเรียนการสอนของผู้สอนจำแนกตามรายด้านอยู่ในระดับมากทุกด้าน 3. การเปรียบเทียบสมรรถภาพที่จำเป็นในการจัดการเรียนการสอนของผู้สอนโดยรวมทุกด้านเมื่อเปรียบเทียบกันตามวุฒิทางการศึกษา และประสบการณ์การสอนไม่แตกต่างกันส่วนขนาดของโปรแกรมวิชาแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญ เช่น 0.05
  • รายการการเข้าถึงแบบเปิด
    ความสามารถในการแปลความหมายระดับข้อความของ Google Translate ระบบ Neural Machine Translation เพื่อนําไปใช้พัฒนาชุดภาษาในการสอนรายวิชาการแปลภาษาญี่ปุ่น
    (มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม, 2562) ณัฏฐิรา ทับทิม
    จากการพัฒนาเทคโนโลยีอย่างก้าวกระโดด การพัฒนาข้อมูลประดิษฐ์นํามาสู่เครื่องมือช่วยแปล (Machine Translation) ซึ่งสามารถช่วยแปลภาษาเพื่อการสื่อสารได้ดีมากขึ้น ในอีกทางหนึ่ง ความก้าวหน้าของเครื่องมือช่วยแปลเช่น Google Translate ระบบ Neural Machine Translation ก็สร้างความกังวลให้กับผู้เรียนภาษาถึงความจําเป็นในการเรียนภาษาของมนุษย์ และความกังวลถึงอาชีพทางด้านภาษาในอนาคต งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์คือศึกษาความสามารถในการแปลความหมายระดับข้อความของแอพพลิเคชั่น Google Translateระบบ Neural Machine Translation และพัฒนาชุดภาษาความหมายระดับข้อความซึ่ง Google Translateระบบ Neural Machine Translation ยังไม่สามารถแปลได้ดีเทียบเท่ามนุษย์ ชุดภาษาความหมายระดับข้อความประกอบไปด้วยคําประสมคํานามและคําประสมคํากริยาจํานวน 136 คํา คําปรากฏร่วมประเภท คํานาม+คํากริยา จํานวน 100 คํา สํานวนที่มีคํานามอวัยวะเป็นส่วนประกอบจํานวน 100 สํานวน และประโยคที่ประกอบจากรูปไวยากรณีระดับ N4 จํานวน 100 ประโยค รวมทั้งหมด 436 ชุดภาษา โดยแปลจากภาษาญี่ปุ่นเป็นภาษาไทย สํารวจ ระหว่างเดือนตุลาคมถึงพฤศจิกายน 2561 และตรวจสอบความสามารถการแปลโดยผู้เชี่ยวชาญภาษาญี่ปุ่นและภาษาไทยจํานวน 3 คน ผลการวิจัยพบว่า Google Translateระบบ Neural Machine Translation แปลความหมายจากภาษาญี่ปุ่นเป็นภาษาไทยอยู่ในระดับไม่เป็นที่ยอมรับคิดเป็นร้อยละ 73.62 และแปลความหมายจากภาษาญี่ปุ่นเป็นภาษาไทยอยู่ในระดับเป็นที่ยอมรับคิดเป็นร้อยละ 26.38 โดยชุดภาษาที่ Google Translate ระบบ Neural Machine Translation สามารถแปลได้ในระดับยอมรับได้มากที่สุดเรียงจากมากไปหาน้อย ได้แก่ คําปรากฏร่วม คําประสมคํานาม คําประสมคํากริยา ประโยค และสํานวน ตามลําดับ
  • Thumbnail Image
    รายการการเข้าถึงแบบเปิด
  • รายการการเข้าถึงแบบเปิด
    การสร้างฐานข้อมูลภูมิปัญญาท้องถิ่นด้านวัด ในจังหวัดพิษณุโลก
    (มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม, 2560) ศิริสุภา เอมหยวก; เจนต์ คันทะ
  • รายการการเข้าถึงแบบเปิด
    การพัฒนาชุดการเรียนการสอนวิชาความจริงของชีวิต เรื่อง “การดำเนินชีวิตตามหลักพระพุทธศาสนา”
    (มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม, 2549) ทิพย์สุดา นัยทรัพย์
    การวิจัยชุดนี้จุดมุ่งหมายเพื่อสร้างชุดการเรียนการสอนวิชาความจริงของชีวิต เรื่อง “การดำเนินชีวิตตามหลักพระพุทธศาสนา” และหาประสิทธิภาพของชุดการเรียนการสอน 3 ด้านคือ 1) ประสิทธิภาพของบทเรียนสำเร็จรูป 2) ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนการสอนของนักศึกษา และ3)เจตคติของนักศึกษาต่อบทเรียนสำเร็จรูป เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย คือ ชุดการเรียนการสอน แบบประเมินตนเองก่อนและหลังการใช้ บทเรียนสำเร็จรูป และแบบสอบถามวัดเจตคติ ผลการวิจัยพบว่า ประสิทธิภาพของบทเรียนสำเร็จรูปแต่ละชุดในภาพรวมเท่ากับ 87.45/77.27 ซึ่งสอดคล้องกับเกณฑ์มาตรฐานที่กำหนดคือ 75/75 ยกเว้น ชุดที่ 1 ต่ำกว่าเกณฑ์เล็กน้อย ส่วนใหญ่ผลสัมฤทธิ์ของนักศึกษาก่อนและหลังการใช้บทเรียนสำเร็จรูปทุกชุดมีความแตกต่างกัน โดยหลังการใช้บทเรียนสำเร็จรูป นักศึกษามีการเรียนรู้ที่สูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ0.05 ด้านเจตคติของนักศึกษาที่มีต่อบทเรียนสำเร็จรูปทั้ง 5 ชุด พบว่า นักศึกษามีเจตคติที่ดีต่อบทเรียนสำเร็จรูปในทุกๆด้าน อยู่ในระดับดี เช่น วัตถุประสงค์ชัดเจน เนื้อหาทำให้เกิดการเรียนรู้อย่างใช้ความคิดและเหตุผลและเปิดโอกาสให้นักศึกษารู้หลักธรรมควบคู่กับการปฏิบัติอย่างเหมาะสม
  • รายการ
    ผลการจัดการเรียนการสอน แบบActive Learning ในรายวิชาภาษาอังกฤษเพื่องานโรงแรม
    (มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม, 2563) ณัฐกานต์ เส็งชื่น; อารยา บุญศักดิ์; สุรีย์รัตน์ บัวชื่น; วณิชญา ฉิมนาค
    การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อหาผลสัมฤทธิ์จากการเรียนด้วยวิธีการสอนแบบ Active Learning และ เพื่อศึกษาระดับความพึงพอใจของนักศึกษาที่มีต่อการเรียนรู้แบบ Active Learning กลุ่มตัวอย่าง คือ นักศึกษาสาขาวิชาภาษาอังกฤษธุรกิจที่ลงทะเบียนเรียนในรายวิชา ENG 173 ภาษาอังกฤษเพื่อการโรงแรม 2 ภาคการศึกษา 2/2559 ใช้วิธีสุ่มกลุ่มตัวอย่างแบบเจาะจง จำนวน 45 คน เครื่องมือวิจัยที่ใช้ในการทดลอง คือ กิจกรรมการเรียนการสอนตามแบบการเรียนรู้ แบบ Active Learning แบบทดสอบก่อน-หลังเรียน และ แบบสอบถามความพึงพอใจของนักศึกษาที่เรียนด้วยวิธีการเรียนการสอนแบบ Active Learning วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้ค่าเฉลี่ย (x̄) ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) และค่าร้อยละ ผลการวิจัย พบว่า คะแนนผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนของนักศึกษา สูงกว่าก่อนเรียน และ นักศึกษามีความพึงพอใจต่อการเรียนรู้แบบมีส่วนร่วม (Active Learning) โดยรวมอยู่ระดับมาก มี ค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 4.42
  • รายการ
    กลวิธีการออกแบบดนตรีเพื่องานศิลปะการแสดงในรายวิชาดนตรีและความเกี่ยวพันกับศิลปะแขนงอื่น
    (มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม, 2562) วรารัตน์ วริรักษ์
    งานวิจัยเรื่อง “การสร้างสื่อโสตทัศน์ หัวข้อ ‘กลวิธีการออกแบบดนตรีเพื่องานศิลปะการแสดง’ ในรายวิชาดนตรีและความเกี่ยวพันกับศิลปะแขนงอื่น” เป็นงานวิจัยที่ได้รับทุนอุดหนุนการวิจัยในชั้นเรียนจากมหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม โดยมีจุดมุ่งหมายดังนี้ 1. เพื่อสร้างสื่อโสตทัศน์ที่มีรูปแบบเอื้ออำนวยกับหัวข้อบทเรียนที่มีความเป็นนามสูง คือ หัวข้อย่อย “กลวิธีการออกแบบดนตรีเพื่องานศิลปะการแสดง” ในรายวิชาดนตรีและความเกี่ยวพันกับศิลปะแขนงอื่น 2. เพื่อให้สื่อโสตทัศน์ ที่สร้างด้วยโปรแกรมคอมพิวเตอร์ Power Point ประกอบภาพและเสียง ที่สร้างขึ้นเป็นตัวช่วยผู้สอนในการอธิบายเนื้อหา, การให้ตัวอย่างให้กับผู้เรียนได้แจ่มชัด สร้างความเข้าใจได้อย่างลึกซึ้งกว่าการสอนด้วยการบรรยายความรู้หรือใช้เอกสารประกอบการสอนแต่เพียงอย่างเดียว 3. เพื่อหาค่าประสิทธิภาพของสื่อโสตทัศน์ที่สร้างขึ้นจากงานวิจัยในครั้งนี้ โดยการวิจัยนี้ใช้ระเบียบวิธีวิจัยเชิงคุณภาพ และการวิจัยปฏิบัติการในชั้นเรียนเป็นฐาน ผลการวิจัยพบว่า 1. สื่อโสตทัศน์ที่สร้างด้วยโปรแกรมคอมพิวเตอร์ Power Point ประกอบภาพและเสียง ที่เหมาะสมกับหัวข้อการเรียนรู้เรื่อง กลวิธีการออกแบบดนตรีเพื่องานศิลปะการแสดง นั้นควรประกอบด้วยตัวอย่างของเสียงประกอบแต่ละชนิดให้ชัดเจน 2. สื่อโสตทัศน์ที่สร้างด้วยโปรแกรมคอมพิวเตอร์ power point หัวข้อ ‘กลวิธีการออกแบบดนตรีเพื่องานศิลปะการแสดง’ ที่ประกอบด้วยตัวอย่างภาพและเสียงที่ชัดเจนเป็นสื่อช่วยในการเรียนการสอนได้ 3. ผลสรุปประสิทธิภาพการเรียนรู้ของผู้เรียนจากแบบประเมินความรู้ก่อนเรียน ได้ค่าเฉลี่ยร้อยละ 69.98 และผลสรุปแบบประเมินความรู้หลังเรียนโดยการใช้สื่อโสตทัศน์ ได้ค่าเฉลี่ยร้อยละ 98.89 แสดงให้เห็นว่าประสิทธิภาพของสื่อโสตทัศน์ที่สร้างด้วยโปรแกรมคอมพิวเตอร์ power point ประกอบภาพและเสียงที่ได้สร้างขึ้นตามหัวข้อย่อยที่ผู้เรียนต้องการที่ได้จากงานวิจัยในครั้งนี้ช่วยให้ผู้เรียนมีความก้าวหน้าในการเรียนรู้ มีความเข้าใจในเนื้อหาและวิธีการปฏิบัติการในหัวข้อ ‘กลวิธีการออกแบบดนตรีเพื่องานศิลปะการแสดง’ มีพัฒนาการในทางที่ดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ