พัฒนาการอ่านคำและสะกดคำภาษาอังกฤษนักเรียนชั้นประถมศึกษาตอนต้น

ไม่มีรูปตัวอย่าง

ชื่อเรื่อง

พัฒนาการอ่านคำและสะกดคำภาษาอังกฤษนักเรียนชั้นประถมศึกษาตอนต้น

ชื่อเรื่องอื่น

The Development of Word Reading and Spelling in English for Elementary School Students

อาจารย์ที่ปรึกษาวิทยานิพนธ์

ไม่มีรูปตัวอย่าง

ปีที่เผยแพร่

2565

Journal Title

Journal ISSN

Volume Title

ประเภทของทรัพยากร

วิทยานิพนธ์/Thesis

ชนิดของไฟล์ข้อมูล

ภาษา

tha

หน่วยงานที่เผยแพร่

มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม

ผู้ครอบครองสิทธิ์

มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม

สิทธิ์ในการใช้งาน

ผลงานนี้เผยแพร่ภายใต้ สัญญาอนุญาตครีเอทีฟคอมมอนส์แบบแสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 4.0 (CC BY-NC-ND 4.0)

กลุ่มข้อมูล

ชื่อเรื่อง

พัฒนาการอ่านคำและสะกดคำภาษาอังกฤษนักเรียนชั้นประถมศึกษาตอนต้น

ชื่อเรื่องอื่น

The Development of Word Reading and Spelling in English for Elementary School Students

ผู้แต่งร่วม

อาจารย์ที่ปรึกษาวิทยานิพนธ์

หน่วยงานที่สังกัด

ระดับปริญญา

มหาวิทยาลัยที่ประสาทปริญญา

มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม

เนื้อเรื่องย่อ/สาระสังเขป

การวิจัยครั้งนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อ 1) ศึกษาสภาพการจัดการเรียนรู้และความต้องการในการพัฒนาการจัดการเรียนรู้แบบยูเลิร์นนิ่งรายวิชาศิลปะ (ทัศนศิลป์) เพื่อส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์สำหรับนักเรียน 2) สร้างรูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบยูเลิร์นนิ่งในรายวิชาศิลปะ (ทัศนศิลป์) เพื่อส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์สำหรับนักเรียนระดับชั้นประถมศึกษา 3) ทดลองใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบยูเลิร์นนิ่งในรายวิชาศิลปะ (ทัศนศิลป์) เพื่อส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์สำหรับนักเรียนระดับชั้นประถมศึกษา และ 4) ศึกษาความคิดเห็นในการใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบยูเลิร์นนิ่งในรายวิชาศิลปะ (ทัศนศิลป์) เพื่อส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์สำหรับนักเรียนระดับชั้นประถมศึกษา กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัย ขั้นตอนที่ 1 ได้แก่ ครูผู้สอนรายวิชาศิลปะ (ทัศนศิลป์) จำนวน 197 คน ขั้นตอนที่ 2 ได้แก่ ผู้เชี่ยวชาญจำนวน 9 ท่าน ขั้นตอนที่ 3 และ 4 ได้แก่ ครูผู้สอนรายวิชาศิลปะ (ทัศนศิลป์) โรงเรียนบ้านโพธิ์พัฒนาและโรงเรียนบ้านหนองแดน จำนวน 2 คน นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 จำนวน 39 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยได้แก่ แบบวัดความคิดสร้างสรรค์ สถิติที่ใช้ในการแปลผล ได้แก่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการทดสอบค่าที (t-test dependent) ผลการวิจัยพบว่า 1. สภาพการจัดการเรียนรู้รายวิชาศิลปะ (ทัศนศิลป์) พบว่า ด้านการเตรียมการสอน ด้านดำเนินการสอน ด้านการผลิตสื่อการสอน และด้านการวัดและประเมินผล โดยภาพรวมอยู่ในระดับปานกลาง และความต้องการในการจัดการเรียนรู้แบบยูเลิร์นนิ่งรายวิชาศิลปะ (ทัศนศิลป์) โดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก 2. รูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบยูเลิร์นนิ่งรายวิชาศิลปะ (ทัศนศิลป์) เพื่อส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์สำหรับนักเรียนระดับชั้นประถมศึกษา ประกอบด้วย 5 องค์ประกอบ ได้แก่ องค์ประกอบที่ 1 หลักการของรูปแบบ องค์ประกอบที่ 2 วัตถุประสงค์ของรูปแบบ องค์ประกอบที่ 3 เนื้อหา องค์ประกอบที่ 4 กิจกรรมการเรียนรู้ 5 ขั้น คือ ขั้นที่ 1 สร้างเครือข่ายสมาชิก (Create a Network of Members) ขั้นที่ 2 สร้างการเรียนรู้ (Create Learning) ขั้นที่ 3 สร้างผลงาน (Create Work)ขั้นที่ 4 การแลกเปลี่ยนเรียนรู้ (Exchange of Knowledge) ขั้นที่ 5 การประเมินผลงาน (Evaluation) และ องค์ประกอบที่ 5 การวัดและประเมินผล 3. หลังจากการทดลองใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบยูเลิร์นนิ่งรายวิชาศิลปะ (ทัศนศิลป์) เพื่อส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษา นักเรียนมีความคิดสร้างสรรค์หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 และผลการประเมินชิ้นงานของนักเรียนมีระดับคุณภาพที่ดีขึ้น 4. ความคิดเห็นของครูในการใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบยูเลิร์นนิ่งรายวิชาศิลปะ (ทัศนศิลป์) เพื่อส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์สำหรับนักเรียนระดับชั้นประถมศึกษา พบว่า ค่าเฉลี่ยโดยภาพรวมครูมีความคิดเห็น อยู่ในระดับมากที่สุด และความพึงพอใจของนักเรียนที่เรียนด้วยรูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบยูเลิร์นนิ่งรายวิชาศิลปะ (ทัศนศิลป์) เพื่อส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์สำหรับนักเรียนระดับชั้นประถมศึกษา พบว่าค่าเฉลี่ยโดยภาพรวมนักเรียนมีความพึงพอใจอยู่ในระดับมาก

รายละเอียด

การอ้างอิง

ผู้ให้ทุน

การอ้างอิง

อัญชลี วงษ์กัณหา. (2565). พัฒนาการอ่านคำและสะกดคำภาษาอังกฤษนักเรียนชั้นประถมศึกษาตอนต้น [วิทยานิพนธ์ครุศาสตรมหาบัณฑิต, มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม]. https://psruir.psru.ac.th/handle/123456789/490

Endorsement

Review

Supplemented By

Referenced By