คณะครุศาสตร์
Permanent URI for this communityhttps://psruir.psru.ac.th/handle/123456789/131
ค้นหา
3 ผลลัพธ์
ผลการค้นหา
รายการ การเข้าถึงแบบเปิด การพัฒนาชุดกิจกรรมการเรียนรู้วิชาภาษาไทยเพื่อส่งเสริมความสามารถในการคิดวิเคราะห์สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3(มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม, 2550) ประทีป ยอดเกตุ; วีราพร พงศ์อาจารย์; จิตภัทร์ อุปราวิทยานันท์วิทยานิพนธ์เรื่องการพัฒนาชุดกิจกรรมการเรียนรู้วิชาภาษาไทยเพื่อส่งเสริมความสามารถในการคิดวิเคราะห์สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 เป็นการวิจัยและพัฒนามีจุดมุ่งหมาย (1) เพื่อสร้างและหาประสิทธิภาพของชุดกิจกรรมการเรียนรู้วิชาภาษาไทยเพื่อส่งเสริมความสามารถในการคิดวิเคราะห์ตามเกณฑ์มาตรฐาน 75/75 (2) ศึกษาความสามารถในการคิดวิเคราะห์ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 หลังการใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ และ (3) เปรียบเทียบความสามารถในการคิดวิเคราะห์ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ก่อนและหลังเรียนโดยใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ วิธีดำเนินการวิจัย เป็นการวิจัยและพัฒนาประกอบด้วย 2 ตอน คือ ตอนที่ 1 สร้างและหาประสิทธิภาพของชุดกิจกรรม ตอนที่ 2 ทดลองใช้และศึกษาผลการใช้ชุดกิจกรรม ซึ่งทดลองใช้กับนักเรียนที่ไม่ใช่กลุ่มตัวอย่าง จำนวน 3 ครั้ง 1 ชุด 10 หน่วยย่อย ใช้เวลา 40 ชั่วโมง กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษาวิจัยในครั้งนี้เป็นนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนวัดบ้านดง สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาพิษณุโลก เขต 1 ปีการศึกษา 2550 จำนวน 23 คน เครื่องมือในการวิจัยได้แก่แบบวัดความสามารถในการคิดวิเคราะห์ วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้ค่าสถิติร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และทดสอบสมมติฐาน ด้วยการทดสอบค่า t – test โดยใช้สูตร Paired Samples t – test ผลการวิจัยสรุปได้ว่า ชุดกิจกรรมการเรียนรู้วิชาภาษาไทยเพื่อส่งเสริมความสามารถในการคิดวิเคราะห์สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 มีค่าความเหมาะสมอยู่ในระดับดี และมีประสิทธิภาพเท่ากับ 85.04/81.33 ความสามารถในการคิดวิเคราะห์ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 จากการเรียนด้วยชุดกิจกรรมการเรียนรู้อยู่ในระดับดีมาก ความสามารถในการคิดวิเคราะห์ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05รายการ เมทาเดทาเท่านั้น ผลการใช้โปรแกรมส่งเสริมความสามารถในการอ่านและการเขียนของนักเรียนระดับประถมศึกษา โดยใช้เทคนิคการสอน STAD ร่วมกับเทคนิคการสอน TGT(มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม, 2565) นิวัฒ บัวติ๊บ; สวนีย์ เสริมสุขการวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาผลของโปรแกรมส่งเสริมทักษะการอ่านและการเขียนที่มีต่อทักษะการอ่านและการเขียนของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ที่กำลังศึกษาในปีการศึกษา 2564 แบ่งเป็น 2 กลุ่ม คือกลุ่มทดลองที่ได้รับโปรแกรมส่งเสริมทักษะการอ่านและการเขียน จำนวน 37 คน และกลุ่มควบคุมเรียนตามปกติ ไม่ได้รับโปรแกรมส่งเสริมทักษะการอ่านและการเขียน จำนวน 41 คน โดยรูปแบบการวิจัยเป็นการวิจัยกึ่งทดลอง (Quasi - Experimental Design) มีการวัดผลจำนวน 3 ครั้ง คือวัดผลก่อนการทดลอง หลังการทดลองและระยะติดตามผลการทดลองโดยใช้เครื่องมือการทดลองคือแบบทดสอบการอ่านสะกดคำและการเขียนสะกดคำ ก่อนเรียน หลังเรียน และระยะติดตามผล ใช้การวิเคราะห์ความแปรปรวนสองทางแบบวัดซ้ำ (Two-Way Repeated Measures ANOVA) ในการวิเคราะห์ข้อมูล ผลการวิจัยพบว่า 1. ระยะหลังการทดลองและระยะติดตามผลกลุ่มทดลองที่ได้รับโปรแกรมส่งเสริมทักษะการอ่านมีค่าเฉลี่ยคะแนนการอ่านในการสอบสูงกว่ากลุ่มที่ไม่ได้รับโปรแกรมส่งเสริมทักษะการอ่านอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 ปฏิสัมพันธ์ระหว่างกลุ่มและระยะการทดลองคำนวณค่า F-test ได้ 2.199 มีนัยสำคัญทางสถิติที่ ระดับ .113 ซึ่งมีค่ามากกว่า .05 แสดงว่าไม่มีปฏิสัมพันธ์ระหว่างกลุ่มและ ระยะการทดลอง 2. ระยะหลังการทดลองและระยะติดตามผลกลุ่มทดลองที่ได้รับโปรแกรมส่งเสริมทักษะการเขียนมีค่าเฉลี่ยคะแนนการเขียนในการสอบสูงกว่าในระยะก่อนการทดลองอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 ปฏิสัมพันธ์ระหว่างกลุ่มและระยะการทดลองคำนวณค่า F-test ได้ 14.105 มีนัยสำคัญทางสถิติที่ ระดับ .000 ซึ่งมีค่าน้อยกว่า .05 แสดงว่ามีปฏิสัมพันธ์ระหว่างกลุ่มและระยะการทดลองรายการ เมทาเดทาเท่านั้น การจัดการเรียนรู้โดยใช้กระบวนการเรียนรู้ตามรูปแบบการสอน CIRC เพื่อส่งเสริมความสามารถในการอ่านสะกดคำไม่ตรงตามมาตราตัวสะกด ชั้นประถมศึกษาปี ที่ 2(มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม, 2565) วันทนา เพ็ชรผึ้ง; สกล เกิดผลการวิจัยครั้งนี้มีจุดมุ่งหมาย 1) เพื่อสร้างและหาประสิทธิภาพของการจัดการเรียนรู้โดยใช้กระบวนการเรียนรู้ตามรูปแบบการสอน CIRC เพื่อส่งเสริมความสามารถในการอ่านสะกดคำไม่ตรงตามมาตราตัวสะกดชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 ตามเ กณฑ์ 80/80 2) เพื่อเปรียบเทียบความสามารถในการอ่านสะกดคำก่อนเรียนและหลังเรียนเรื่องการอ่านสะกดคำไม่ตรงตามมาตราตัวสะกด ชั้นประถมศึกษาปี ที่ 2 กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยได้แก่ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2/1 โรงเรียนเทศบาลวัดไทยชุมพล (ดำรงประชาสรรค์) ในภาคเรียนที่ 1 ปี การศึกษา 2564 จำนวน 39 คน ซึ่งได้มาโดยวิธีการเลือกแบบเจาะจง (Purposive Sampling) เครื่องมือที่ใช้ 1) แผนการจัดการเรียนรู้โดยใช้กระบวนการเรียนรู้ตามรูปแบบการสอน CIRC เพื่อส่งเสริมความสามารถในการอ่านสะกดคำไม่ตรงตามมาตราตัวสะกด ชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 2) แบบวัดความสามารถในการสะกดคำ เรื่องการอ่านสะกดคำไม่ตรงตามมาตราตัวสะกด ชั้นประถมศึกษาปี ที่ 2 สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลคือร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ผลการวิจัยพบว่า 1. ผลการวิเคราะห์หาประสิทธิภาพของการจัดการเรียนรู้โดยใช้กระบวนการเรียนรู้ตามรูปแบบการสอน CIRC เพื่อส่งเสริมความสามารถในการอ่านสะกดคำไม่ตรงตามมาตราตัวสะกด ชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 พบว่ามีค่าประสิทธิภาพ E1/E2 เท่ากับ 80.83/80.88 2. ผลการวิเคราะห์เปรียบเทียบคะแนนความสามารถในการอ่านสะกดคำ ก่อนเรียนและหลังเรียน พบว่า นักเรียนที่เรียนโดยใช้กระบวนการจัดการเรียนรู้ตามรูปแบบการสอน CIRC เพื่อส่งเสริมความสามารถในการอ่านสะกดคำไม่ตรงตามมาตราตัวสะกด ชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 มีค่าเฉลี่ยของคะแนนความสามารถในการอ่านสะกดคำหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญ ทางสถิติที่ระดับ .05