คณะครุศาสตร์
Permanent URI for this communityhttps://psruir.psru.ac.th/handle/123456789/131
ค้นหา
2 ผลลัพธ์
ผลการค้นหา
รายการ เมทาเดทาเท่านั้น การพัฒนาแบบฝึกโดยใช้สมองเป็นฐานในการเรียนรู้ที่เสริมสร้างความสามารถด้านการอ่านจับใจความสำคัญของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปี ที่ 1(มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม, 2565) วรรณนิภา มะณีธรรม; ชัยวัฒน์ สุทธิรัตน์งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์ของการวิจัยเพื่อ 1) สร้างและหาประสิทธิภาพของแบบฝึกโดยใช้สมองเป็นฐานในการเรียนรู้ที่เสริมสร้างความสามารถด้านการอ่านจับใจความสำคัญของนักเชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ตามเกณฑ์ 75/75 2) ศึกษาผลการใช้แบบฝึกโดยใช้สมองเป็นฐานในการเรียนรู้ ที่เสริมสร้างความสามารถด้านการอ่านจับใจความสำคัญ ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ดังนี้ 2.1) ศึกษาความสามารถด้านการอ่านจับใจความสำคัญของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 หลังเรียนโดยใช้แบบฝึกโดยใช้สมองเป็นฐาน ในการเรียนรู้ที่เสริมสร้างความสามารถด้านการอ่านจับใจความสำคัญ ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 2.2) เปรียบเทียบความสามารถด้านการอ่านจับใจความสำคัญของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ก่อนเรียนและหลังเรียนโดยใช้แบบฝึกโดยใช้สมองเป็นฐานในการเรียนรู้ ที่เสริมสร้างความสามารถด้านการอ่านจับใจความสำคัญ ดำเนินการวิจัย 2 ขั้นตอน คือ ขั้นตอนที่ 1 การสร้างและหาประสิทธิภาพของแบบฝึกโดยใช้สมองเป็นฐานในการเรียนรู้ ที่เสริมสร้างความสามารถด้านการอ่านจับใจความสำคัญของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ขั้นตอนที่ 2 การใช้แบบฝึกโดยใช้สมองเป็นฐานในการเรียนรู้ ที่เสริมสร้างความสามารถด้านการอ่านจับใจความสำคัญของนักเรียน ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 กลุ่มตัวอย่าง คือ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนบ้านพุกระโดน ตำบลไทรย้อย อำเภอเนินมะปราง จังหวัด พิษณุโลก จำนวน 15 คน ได้มาจากการสุ่มแบบกลุ่ม (Cluster random sampling) ทดลองเป็นเวลา 2 สัปดาห์ วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติ ค่าคะแนนเฉลี่ย (x̄) ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และ t-test แบบ Dependent ผลการวิจัยพบว่า แบบฝึกโดยใช้สมองเป็นฐานในการเรียนรู้ ที่เสริมสร้างความสามารถด้านการอ่านจับใจความสำคัญ ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 มีจำนวน 5 เล่ม ในแต่ละแบบฝึกมีองค์ประกอบ คือ ชื่อแบบฝึก คำชี้แจง จุดประสงค์ การเรียนรู้ เนื้อหาสาระ กิจกรรม เฉลยแบบฝึก โดยแต่ละแบบฝึกมีประสิทธิภาพ E1/E2 คือ แบบฝึกที่ 1 = 77.95/77.50 แบบฝึกที่ 2 = 78.57/77.50 แบบฝึกที่ 3 = 78.16/77.50 แบบฝึกที่ 4 =78.78/77.50 แบบฝึกที่ 5 =78.37/77.50 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ที่ตั้งไว้ นักเรียนมีความสามารถด้านการอ่านจับใจความสำคัญโดยรวมในระดับมาก (ร้อยละ 77.50) และนักเรียนมีความสามารถด้านการอ่านจับใจความสำคัญ หลังเรียน (x̄ = 15.50) สูงกว่าก่อนเรียน (x̄ = 10.21) อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05รายการ เมทาเดทาเท่านั้น การพัฒนาแบบฝึกตามขั้นตอนของเทคนิค KWDL ที่เสริมสร้างความสามารถ ในการอ่านจับใจความสำคัญของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2(มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม, 2565) สุดารัตน์ นวนวิใจ; เกสร กอกองงานวิจัยนี้มีจุดมุ่งหมายการวิจัยเพื่อ 1) สร้างและหาประสิทธิภาพของแบบฝึกตามขั้นตอนของเทคนิค KWDL ที่เสริมสร้างความสามารถในการอ่านจับใจความสำคัญ ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 ให้มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 75/75 2) ศึกษาความสามารถในการอ่านจับใจความสำคัญของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 หลังเรียนโดยใช้แบบฝึกตามขั้นตอนของเทคนิค KWDL 3) เปรียบเทียบความสามารถในการอ่านจับใจความสำคัญของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 ก่อนและหลังเรียนโดยใช้แบบฝึกตามขั้นตอนของเทคนิค KWDL ดำเนินการวิจัย 2 ขั้นตอน คือ ขั้นตอนที่ 1 การสร้างและหาประสิทธิภาพของแบบฝึกตามขั้นตอนของเทคนิค KWDL ที่เสริมสร้างความสามารถในการอ่านจับใจความสำคัญ กับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 ขั้นตอนที่ 2 การใช้แบบฝึกตามขั้นตอนของเทคนิค KWDL ที่เสริมสร้างความสามารถในการอ่านจับใจความสำคัญ ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปี ที่ 2 ซึ่งได้มาโดยการสุ่มแบบกลุ่ม (Cluster random sampling) จำนวน 10 คน ทดลองเป็นเวลา 2 สัปดาห์ วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติค่าคะแนนเฉลี่ย (x̄) ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) และ t-test (dependent) ผลการวิจัยพบว่า (1) แบบฝึกตามขั้นตอนของเทคนิค KWDL ที่เสริมสร้างความสามารถในการอ่าน จับใจความสำคัญ ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 และคู่มือการใช้แบบฝึกมีความเหมาะสมโดยรวมในระดับมาก (x̄ = 4.05) โดยมีประสิทธิภาพ ดังนี้ แบบฝึกที่1 = 78.00/77.00 แบบฝึกที่ 2 = 78.67/77.00 แบบฝึกที่ 3 = 79.33/77.00 แบบฝึกที่ 4 = 80.00/77 แบบฝึกที่ 5 = 81.33/77.00 (2) นักเรียนมีความสามารถในการอ่านจับใจความสำคัญโดยรวมในระดับมาก (ร้อยละ 77.00) และ (3) นักเรียนมีความสามารถในการอ่านจับใจความสำคัญหลังเรียน (x̄ = 15.4) สูงกว่าก่อนเรียน (x̄ = 10.8 ) อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05