คณะครุศาสตร์
Permanent URI for this communityhttps://psruir.psru.ac.th/handle/123456789/131
ค้นหา
5 ผลลัพธ์
ผลการค้นหา
รายการ เมทาเดทาเท่านั้น การพัฒนาแอปพลิเคชันบทเรียน เรื่อง การบอกค่าตัวเลขและจำนวนสำหรับนักเรียนที่มีความบกพร่องทางสติปัญญาศูนย์การศึกษาพิเศษ ประจำจังหวัดอุตรดิตถ์(มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม, 2565) สุภาวดี ทองเทศ; บัญชา สำรวยรื่นการวิจัยในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) สร้างและหาคุณภาพของแอปพลิเคชันบทเรียน เรื่อง การบอกค่าตัวเลขและจำนวน สำหรับนักเรียนที่มีความบกพร่องทางสติปัญญา 2) เปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนก่อนเรียนและหลังเรียน ด้วยแอปพลิเคชันบทเรียน กลุ่มเป้าหมายเป็นนักเรียนที่มีความบกพร่องทางสติปัญญา จำนวน 12 คน ที่อยู่ในศูนย์การศึกษาพิเศษ ประจำจังหวัดอุตรดิตถ์ เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ แอปพลิเคชันบทเรียน เรื่อง การบอกค่าตัวเลขและจำนวน สำหรับนักเรียนที่มีความบกพร่องทางสติปัญญาที่สร้างขึ้นตามแนวทาง ADDIE model และแผนการจัดการเรียนรู้ เรื่อง การบอกค่าตัวเลขและจำนวน ในส่วนของเครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล ประกอบด้วย แบบตรวจสอบคุณภาพแอปพลิเคชันบทเรียน และแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าดัชนีประสิทธิผล (EI) ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และสถิติทดสอบค่า t แบบไม่อิสระต่อกัน ผลการวิจัยพบว่า 1) ค่าดัชนีประสิทธิผล ของแอปพลิเคชันบทเรียนมีค่าเท่ากับ 0.82 สูงกว่าเกณฑ์มาตรฐานที่กำหนดไว้ (EI มากกว่า 0.5) และ 2) ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนก่อนเรียนและหลังเรียนด้วยแอปพลิเคชันบทเรียนมีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 12.58 คะแนน และ 26.83 คะแนน ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน เท่ากับ 2.61 และ 1.75 ตามลำดับ โดยผลการเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05รายการ เมทาเดทาเท่านั้น การสร้าง Application บนโทรศัพท์มือถือ ในรายวิชาวิทยาศาสตร์ เรื่อง ปรากฏการณ์ทางดาราศาสตร์ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนนครไทยวิทยาคม อำเภอนครไทย จังหวัดพิษณุโลก(มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม, 2566) อัญชลี อินสาย; บัญชา สำรวยรื่นการวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อสร้างและหาคุณภาพของ Application บนโทรศัพท์มือถือ ในรายวิชาวิทยาศาสตร์ เรื่องปรากฏการณ์ทางดาราศาสตร์ 2) เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนเรียนกับหลังเรียนด้วย Application บนโทรศัพท์มือถือ ในรายวิชาวิทยาศาสตร์ เรื่องปรากฏการณ์ทางดาราศาสตร์ 3) เพื่อเปรียบเทียบทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ของนักเรียนก่อนเรียนกับหลังเรียนด้วย Application บนโทรศัพท์มือถือ ในรายวิชาวิทยาศาสตร์ เรื่องปรากฏการณ์ทางดาราศาสตร์ กลุ่มเป้าหมายที่ใช้ในการวิจัยคือ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3/2 โรงเรียนนครไทยวิทยาคม อำเภอนครไทย จังหวัดพิษณุโลก ปีการศึกษา 2566 จำนวน 30 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย 1) Application บนโทรศัพท์มือถือ ในรายวิชาวิทยาศาสตร์ 2) คู่มือการใช้ Application บนโทรศัพท์มือถือ ในรายวิชาวิทยาศาสตร์ 3) แบบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียน หลังการใช้ Application บนโทรศัพท์มือถือ 4) แบบวัดทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ 3 ทักษะ ได้แก่ ทักษะการสังเกต ทักษะการจำแนก และทักษะการตีความหมายข้อมูลและการลงข้อมูล 5) แบบวัดความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการใช้ Application บนโทรศัพท์มือถือ ในรายวิชาวิทยาศาสตร์ ผลการวิจัย พบว่า 1) Application บนโทรศัพท์มือถือ คุณภาพโดยรวม อยู่ในระดับมาก (x̄= 4.14, S.D. = 0.30) 2) นักเรียนที่เรียนด้วย Application บนโทรศัพท์มือถือ มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 และ 3) นักเรียนที่เรียนด้วย Application บนโทรศัพท์มือถือ มีทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 4) นักเรียนมีความพึงพอใจต่อ Application บนโทรศัพท์มือถืออยู่ในระดับมาก (x̄ 4.14, S.D. = 0.74)รายการ เมทาเดทาเท่านั้น การพัฒนาบทเรียนอิเล็กทรอนิกส์ เรื่อง การปฐมพยาบาลผู้ป่วยสำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปี ที่ 1 โรงเรียนท่าทองพิทยาคม(มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม, 2565) มรกต วงษ์มี; ปิยมนัส วรวิทย์รัตนกุล; อนุ เจริญวงศ์ระยับการวิจัยในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ 1) สร้างและหาคุณภาพของบทเรียนอิเล็กทรอนิกส์ เรื่องการปฐมพยาบาลผู้ป่วยสำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 2) เปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนเรียนและหลังเรียนด้วยบทเรียนอิเล็กทรอนิกส์เรื่อง การปฐมพยาบาลผู้ป่วยสำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนท่าทองพิทยาคม เพื่อให้ผลสัมฤทธิทางการเรียนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน 3) ศึกษาหาความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการเรียนบทเรียนอิเล็กทรอนิกส์เรื่องการปฐมพยาบาล กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยในครั้งนี้ คือ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 จำนวน 30 คนได้จากการเลือกแบบสุ่มอย่างง่าย เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ประกอบด้วย 1) บทเรียนอิเล็กทรอนิกส์การปฐมพยาบาล 2) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิทางการเรียน 3) แบบวัดความพึงพอใจ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ได้แก่ ค่าเฉลี่ย ร้อยละ ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ผลการวิจัยพบว่า บทเรียนอิเล็กทรอนิกส์ที่สร้างขึ้นมีคุณภาพตามการประเมินของผู้เชี่ยวชาญทั้งทางด้านเทคโนโลยีและเนื้อหาและแบบวัดผลสัมฤทธิทางการเรียนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 ด้านความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อบทเรียนอิเล็กทรอนิกส์ในระดับมากที่สุดแสดงว่างานวิจัยนี้สามารถนำไปใช้และเกิดประโยชน์ต่อไปได้รายการ เมทาเดทาเท่านั้น การจัดการเรียนรู้ห้องเรียนกลับด้านโดยใช้ Google Site ในรายวิชาวอลเลย์บอล ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปี ที่ 2 โรงเรียนสรรพวิทยาคม(มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม, 2565) กรรณิการ์ ดิษชกรร; พัชราวลัย มีทรัพย์การวิจัยครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาการจัดการเรียนรู้ห้องเรียนกลับด้านโดยใช้ Google site ในรายวิชาวอลเลย์บอลของชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนสรรพวิทยาคม ในด้านผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ทักษะพื้นฐานวอลเลย์บอล เจตคติต่อการเรียน และ ความพึงพอใจของนักเรียน โดยกลุ่มเป้าหมายที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้คือ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 โดยวิธีการเลือกแบบเจาะจง (Purposive sampling) ซึ่งได้มาจากประชากรที่ทำการทดสอบสมรรถภาพก่อนเรียนรายวิชาพลศึกษาที่มีผลการประเมินไม่ผ่านเกณฑ์มาตรฐานสมรรถภาพทางกาย จำนวน 2 ห้อง และสุ่มแบ่งนักเรียนเป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มห้องเรียนกลับด้าน (นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2/7) และกลุ่มปกติ (นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2/2) จำนวนนักเรียนกลุ่มละ 42 คน และเครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ แผนการจัดการเรียนรู้แบบห้องเรียนกลับด้านแผนการจัดการเรียนรู้แบบห้องเรียนปกติ แบบทดสอบผลสัมฤทธิ์ แบบประเมินทักษะพื้นฐานวอลเลย์บอล แบบวัดเจตคติต่อการเรียน และแบบสอบถามความพึงพอใจ ผลการวิจัยพบว่า คะแนนเฉลี่ยของการทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์หลังเรียนของกลุ่มห้องเรียนกลับด้านสูงกว่ากลุ่มปกติอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ ระดับ .05 ผลการประเมินทักษะพื้นฐานวอลเลย์บอลหลังเรียนของนักเรียนกลุ่มห้องเรียนกลับด้านสูงกว่ากลุ่มห้องเรียนปกติอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ ระดับ .05 เจตคติต่อการเรียนของนักเรียนของกลุ่มห้องเรียนกลับด้าน โดยภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด (x̄ = 4.67, S.D. = .12) ความพึงพอใจของนักเรียนของกลุ่มห้องเรียนกลับด้าน โดยภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด (x̄ = 4.90, S.D. = .10)รายการ เมทาเดทาเท่านั้น การพัฒนาหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ (e-book) เรื่องความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจ รายวิชาสังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรมสำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปี ที่ 2 โรงเรียนเทศบาลวัดไทยชุมพล (ดำรงประชาสรรค์) อำเภอเมือง จังหวัดสุโขทัย(มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม, 2565) ฉัตรญาณิน แก้วกอ; บัญชา สำรวยรื่นงานวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) สร้างและหาประสิทธิภาพของหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ (e-book) เรื่องความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจ รายวิชาสังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม ให้มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80 2) เปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนก่อนและหลังการเรียนรู้โดยใช้หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ (e-book) และระหว่างกลุ่มทดลองและกลุ่มควบคุม และ 3) ศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการใช้หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ (e-book) กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยได้แก่ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2โรงเรียนเทศบาลวัดไทยชุมพล (ดำรงประชาสรรค์) ที่กำลังศึกษาอยู่ในภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2563 ใช้วิธีการสุ่มอย่างง่ายโดยการจับฉลากแบบคืนที่ เพื่อเลือกห้องเรียนกลุ่มทดลองและกลุ่มควบคุม จำนวน 2ห้องเรียน ห้องเรียนละ 40 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยประกอบด้วย 1) หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ (e-book) เรื่องความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจ รายวิชาสังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม 2) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน 3) แบบสอบถามความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการใช้หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ (e-book) การวิเคราะห์ข้อมูลใช้ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และสถิติทดสอบค่าทีแบบไม่อิสระต่อกัน ผลการวิจัยพบว่า 1) หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ (e-book) เรื่องความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจ รายวิชาสังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม มีประสิทธิภาพเป็นไปตามเกณฑ์ 80/80 โดยด้านเนื้อหา อยู่ในระดับดีมาก (x̄ = 4.84, S.D. =0.25) ด้านเทคนิค อยู่ในระดับดี (x̄=4.24, S.D.= 0.74) 2) ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนหลังเรียนด้วยหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ (e-book) สูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 และผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนของกลุ่มทดลองสูงกว่ากลุ่มควบคุมอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ . 05 และ3) นักเรียนมีความพึงพอใจต่อการเรียนรู้โดยใช้หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ (e-book) ในระดับมาก (x̄= 4.36S.D.= 0.57)