คณะครุศาสตร์
Permanent URI for this communityhttps://psruir.psru.ac.th/handle/123456789/131
ค้นหา
2 ผลลัพธ์
ผลการค้นหา
รายการ เมทาเดทาเท่านั้น การจัดการเรียนรู้โดยใช้กระบวนการเรียนรู้ตามรูปแบบการสอน CIRC เพื่อส่งเสริมความสามารถในการอ่านสะกดคำไม่ตรงตามมาตราตัวสะกด ชั้นประถมศึกษาปี ที่ 2(มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม, 2565) วันทนา เพ็ชรผึ้ง; สกล เกิดผลการวิจัยครั้งนี้มีจุดมุ่งหมาย 1) เพื่อสร้างและหาประสิทธิภาพของการจัดการเรียนรู้โดยใช้กระบวนการเรียนรู้ตามรูปแบบการสอน CIRC เพื่อส่งเสริมความสามารถในการอ่านสะกดคำไม่ตรงตามมาตราตัวสะกดชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 ตามเ กณฑ์ 80/80 2) เพื่อเปรียบเทียบความสามารถในการอ่านสะกดคำก่อนเรียนและหลังเรียนเรื่องการอ่านสะกดคำไม่ตรงตามมาตราตัวสะกด ชั้นประถมศึกษาปี ที่ 2 กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยได้แก่ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2/1 โรงเรียนเทศบาลวัดไทยชุมพล (ดำรงประชาสรรค์) ในภาคเรียนที่ 1 ปี การศึกษา 2564 จำนวน 39 คน ซึ่งได้มาโดยวิธีการเลือกแบบเจาะจง (Purposive Sampling) เครื่องมือที่ใช้ 1) แผนการจัดการเรียนรู้โดยใช้กระบวนการเรียนรู้ตามรูปแบบการสอน CIRC เพื่อส่งเสริมความสามารถในการอ่านสะกดคำไม่ตรงตามมาตราตัวสะกด ชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 2) แบบวัดความสามารถในการสะกดคำ เรื่องการอ่านสะกดคำไม่ตรงตามมาตราตัวสะกด ชั้นประถมศึกษาปี ที่ 2 สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลคือร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ผลการวิจัยพบว่า 1. ผลการวิเคราะห์หาประสิทธิภาพของการจัดการเรียนรู้โดยใช้กระบวนการเรียนรู้ตามรูปแบบการสอน CIRC เพื่อส่งเสริมความสามารถในการอ่านสะกดคำไม่ตรงตามมาตราตัวสะกด ชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 พบว่ามีค่าประสิทธิภาพ E1/E2 เท่ากับ 80.83/80.88 2. ผลการวิเคราะห์เปรียบเทียบคะแนนความสามารถในการอ่านสะกดคำ ก่อนเรียนและหลังเรียน พบว่า นักเรียนที่เรียนโดยใช้กระบวนการจัดการเรียนรู้ตามรูปแบบการสอน CIRC เพื่อส่งเสริมความสามารถในการอ่านสะกดคำไม่ตรงตามมาตราตัวสะกด ชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 มีค่าเฉลี่ยของคะแนนความสามารถในการอ่านสะกดคำหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญ ทางสถิติที่ระดับ .05รายการ เมทาเดทาเท่านั้น การพัฒนากิจกรรมการเรียนรู้ STEM Education เพื่อส่งเสริมความสามารถในการคิดสร้างสรรค์สำหรับนักเรียนชั้นอนุบาลปี ที่ 3(มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม, 2565) สมใจ เรือนเพ็ชร; อารีย์ ปรีดีกุลการวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ 1. เพื่อสร้างและหาคุณภาพของแผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ STEM Education สำหรับนักเรียนชั้นอนุบาลปีที่ 3 2. เพื่อทดลองใช้และศึกษาผลการใช้แผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ STEM Education สำหรับนักเรียนชั้นอนุบาลปีที่ 3 ดังนี้ 1) เปรียบเทียบความคิดสร้างสรรค์ของนักเรียนชั้นอนุบาลปีที่ 3 หลังเรียนเทียบกับเกณฑ์ร้อยละ 70 2) ศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนชั้นอนุบาลปีที่ 3 ที่มีต่อการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบ STEM Education กลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ นักเรียนชั้นอนุบาลปีที่ 3 จำนวน 15 คน ที่กำลังศึกษาอยู่ในภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2565 โรงเรียนวัดปากน้ำ อำเภอสวรรคโลก จังหวัดสุโขทัย ซึ่งได้มาจากการสุ่มอย่างง่ายด้วยวิธีการจับสลากโดยใช้โรงเรียนเป็นหน่วยสุ่ม เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ 1. แผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ STEM Education 2. แบบทดสอบความสามารถในการคิดสร้างสรรค์สำหรับนักเรียนชั้นอนุบาลปีที่ 3 3. แบบสอบถามความพึงพอใจของนักเรียน สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าเฉลี่ย ร้อยละ ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และสถิติทดสอบที t-test แบบ one sample ผลการวิจัย พบว่าแผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ STEM Education สำหรับนักเรียนชั้นอนุบาลปีที่ 3 จำนวน 8 แผน โดยการดำเนินการกิจกรรม มี 6 ขั้นตามแนวสะเต็มศึกษา (STEM Education) ดังนี้ 1. ขั้นระบุปัญหา 2. ขั้นรวบรวมข้อมูลและแนวคิดที่เกี่ยวข้องกับปัญหา 3. ขั้นออกแบบวิธีการแก้ปัญหา 4. ขั้นวางแผนและดำเนินการแก้ปัญหา 5. ขั้นทดสอบ ประเมินผล และปรับปรุงแก้ไขวิธีการแก้ปัญหาหรือชิ้นงาน 6. ขั้นนำเสนอวิธีการแก้ปัญหา มีผลดังนี้ 1. ค่าคุณภาพของแผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ STEM Education มีความเหมาะสมมาก 2. ผลเปรียบเทียบความคิดสร้างสรรค์ของนักเรียนสูงกว่าเกณฑ์ที่ตั้งไว้ร้อยละ 70 3. ความพึงพอใจของนักเรียนชั้นอนุบาลปีที่ 3 ที่มีต่อการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ STEM Education ภาพรวมอยู่ในระดับมาก