คณะครุศาสตร์
Permanent URI for this communityhttps://psruir.psru.ac.th/handle/123456789/131
ค้นหา
2 ผลลัพธ์
ผลการค้นหา
รายการ การเข้าถึงแบบเปิด การวิเคราะห์องค์ประกอบประสิทธิภาพการสอนภาษาอังกฤษของครูระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 4-6 สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาพิษณุโลก(มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม, 2557) ภาสินี ปัญญาประชุม; ชนมัชกรณ์ วรอินทร์; ชุมพล เสมาชันธ์การวิจัยครั้งนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อ 1) ศึกษาประสิทธิภาพการสอนภาษาอังกฤษของครูระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 4-6 และ 2) วิเคราะห์องค์ประกอบเชิงยืนยันประสิทธิภาพการสอนภาษาอังกฤษของครูระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 4-6 สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาพิษณุโลก กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยนี้ ได้แก่ ครูภาษาอังกฤษระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 4-6 สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาพิษณุโลก จำนวน 440 คน โดยใช้วิธีการสุ่มแบบหลายขั้นตอน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยเป็นแบบสอบถามวัดตัวแปรมีลักษณะเป็นมาตราส่วนประมาณค่า 5 ระดับ จำนวน 146 ข้อ แบบทดสอบวัดความรู้พื้นฐานภาษาอังกฤษ จำนวน 20 ข้อ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าเฉลี่ย (X) และค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) และการวิเคราะห์องค์ประกอบเชิงยืนยันอันดับสองด้วยโปรแกรม LISREL 8.53 ผลการวิจัยพบว่า 1)ผลการศึกษาประสิทธิภาพการสอนภาษาอังกฤษของครูระดับประถมศึกษาปีที่ 4-6 สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาพิษณุโลก ด้านคุณภาพการสอนของครู ด้านลักษณะความเป็นครูภาษาอังกฤษ และด้านสนับสนุนการสอนของครูภาษาอังกฤษ องค์ประกอบทั้ง 3 ด้านมีประสิทธิภาพการสอนอยู่ในระดับมาก 2)ผลการวิเคราะห์องค์ประกอบเชิงยืนยันอันดับสองด้วยโปรแกรมลิสเรล พบว่า โมเดลมีความสอดคล้องกลมกลืนกับข้อมูลเชิงประจักษ์ พิจารณาจาก ค่า Chi-Square มีค่าเท่ากับ 80.08 (P = 0.085) ค่า df มีค่าเท่ากับ 64 χ2/df มีค่าเท่ากับ 1.251 ค่า RMSEA มีค่าเท่ากับ 0.024 ค่า CFI มีค่าเท่ากับ 1.00 ค่า GFI มีค่าเท่ากับ 0.98 ค่า AGFI มีค่าเท่ากับ 0.94 ค่า SRMR มีค่าเท่ากับ 0.019 ค่าน้ำหนักองค์ประกอบที่มีผลต่อประสิทธิภาพการสอนภาษาอังกฤษของครูระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 4-6 สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาพิษณุโลก เรียงจากมากไปหาน้อย ได้แก่ ด้านคุณภาพการสอนของครู ด้านลักษณะความเป็นครูภาษาอังกฤษ และด้านสนับสนุนการสอนของครูภาษาอังกฤษ ตามลำดับ ซึ่งมีค่าเท่ากับ 0.98, 0.91, และ 0.90รายการ เมทาเดทาเท่านั้น พัฒนาการอ่านคำและสะกดคำภาษาอังกฤษนักเรียนชั้นประถมศึกษาตอนต้น(มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม, 2565) อัญชลี วงษ์กัณหา; อนุ เจริญวงศ์ระยับการวิจัยครั้งนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อ 1) ศึกษาสภาพการจัดการเรียนรู้และความต้องการในการพัฒนาการจัดการเรียนรู้แบบยูเลิร์นนิ่งรายวิชาศิลปะ (ทัศนศิลป์) เพื่อส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์สำหรับนักเรียน 2) สร้างรูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบยูเลิร์นนิ่งในรายวิชาศิลปะ (ทัศนศิลป์) เพื่อส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์สำหรับนักเรียนระดับชั้นประถมศึกษา 3) ทดลองใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบยูเลิร์นนิ่งในรายวิชาศิลปะ (ทัศนศิลป์) เพื่อส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์สำหรับนักเรียนระดับชั้นประถมศึกษา และ 4) ศึกษาความคิดเห็นในการใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบยูเลิร์นนิ่งในรายวิชาศิลปะ (ทัศนศิลป์) เพื่อส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์สำหรับนักเรียนระดับชั้นประถมศึกษา กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัย ขั้นตอนที่ 1 ได้แก่ ครูผู้สอนรายวิชาศิลปะ (ทัศนศิลป์) จำนวน 197 คน ขั้นตอนที่ 2 ได้แก่ ผู้เชี่ยวชาญจำนวน 9 ท่าน ขั้นตอนที่ 3 และ 4 ได้แก่ ครูผู้สอนรายวิชาศิลปะ (ทัศนศิลป์) โรงเรียนบ้านโพธิ์พัฒนาและโรงเรียนบ้านหนองแดน จำนวน 2 คน นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 จำนวน 39 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยได้แก่ แบบวัดความคิดสร้างสรรค์ สถิติที่ใช้ในการแปลผล ได้แก่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการทดสอบค่าที (t-test dependent) ผลการวิจัยพบว่า 1. สภาพการจัดการเรียนรู้รายวิชาศิลปะ (ทัศนศิลป์) พบว่า ด้านการเตรียมการสอน ด้านดำเนินการสอน ด้านการผลิตสื่อการสอน และด้านการวัดและประเมินผล โดยภาพรวมอยู่ในระดับปานกลาง และความต้องการในการจัดการเรียนรู้แบบยูเลิร์นนิ่งรายวิชาศิลปะ (ทัศนศิลป์) โดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก 2. รูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบยูเลิร์นนิ่งรายวิชาศิลปะ (ทัศนศิลป์) เพื่อส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์สำหรับนักเรียนระดับชั้นประถมศึกษา ประกอบด้วย 5 องค์ประกอบ ได้แก่ องค์ประกอบที่ 1 หลักการของรูปแบบ องค์ประกอบที่ 2 วัตถุประสงค์ของรูปแบบ องค์ประกอบที่ 3 เนื้อหา องค์ประกอบที่ 4 กิจกรรมการเรียนรู้ 5 ขั้น คือ ขั้นที่ 1 สร้างเครือข่ายสมาชิก (Create a Network of Members) ขั้นที่ 2 สร้างการเรียนรู้ (Create Learning) ขั้นที่ 3 สร้างผลงาน (Create Work)ขั้นที่ 4 การแลกเปลี่ยนเรียนรู้ (Exchange of Knowledge) ขั้นที่ 5 การประเมินผลงาน (Evaluation) และ องค์ประกอบที่ 5 การวัดและประเมินผล 3. หลังจากการทดลองใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบยูเลิร์นนิ่งรายวิชาศิลปะ (ทัศนศิลป์) เพื่อส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษา นักเรียนมีความคิดสร้างสรรค์หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 และผลการประเมินชิ้นงานของนักเรียนมีระดับคุณภาพที่ดีขึ้น 4. ความคิดเห็นของครูในการใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบยูเลิร์นนิ่งรายวิชาศิลปะ (ทัศนศิลป์) เพื่อส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์สำหรับนักเรียนระดับชั้นประถมศึกษา พบว่า ค่าเฉลี่ยโดยภาพรวมครูมีความคิดเห็น อยู่ในระดับมากที่สุด และความพึงพอใจของนักเรียนที่เรียนด้วยรูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบยูเลิร์นนิ่งรายวิชาศิลปะ (ทัศนศิลป์) เพื่อส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์สำหรับนักเรียนระดับชั้นประถมศึกษา พบว่าค่าเฉลี่ยโดยภาพรวมนักเรียนมีความพึงพอใจอยู่ในระดับมาก