คณะครุศาสตร์
Permanent URI for this communityhttps://psruir.psru.ac.th/handle/123456789/131
ค้นหา
2 ผลลัพธ์
ผลการค้นหา
รายการ การเข้าถึงแบบเปิด การศึกษาปัจจัยเชิงสาเหตุที่มีอิทธิพลต่อความคิดสร้างสรรค์ทางคณิตศาสตร์ ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา กำแพงเพชร เขต 1(มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม, 2556) ยุวธิดา บุบผาวรรณ; ปัณณวิชญ์ ใบกุหลาบ; กฤธยากาญจน์ โตพิทักษ์การวิจัยนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อศึกษาความคิดสร้างสรรค์ทางคณิตศาสตร์ ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษากำแพงเพชร เขต 1 และเพื่อตรวจสอบความสอดคล้องของโมเดลปัจจัยเชิงสาเหตุที่มีอิทธิพลต่อความคิดสร้างสรรค์ทางคณิตศาสตร์กับข้อมูลเชิงประจักษ์ กลุ่มตัวอย่างจำนวน 751 คน ได้มาโดยการสุ่มแบบหลายขั้นตอน ตัวแปรที่ศึกษาประกอบด้วยตัวแปรแฝง 6 ตัว ได้แก่ 1)บรรยากาศในห้องเรียนคณิตศาสตร์ 2) พฤติกรรมการสอนคณิตศาสตร์ 3)การสนับสนุนการเรียนคณิตศาสตร์ของผู้ปกครอง 4)เจตคติต่อวิชาคณิตศาสตร์ 5)การเข้าร่วมกิจกรรมคณิตศาสตร์ของนักเรียนและ 6)ความคิดสร้างสรรค์ทางคณิตศาสตร์ เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยเป็นแบบทดสอบวัดความคิดสร้างสรรค์ทางคณิตศาสตร์ และแบบสอบถามปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อความคิดสร้างสรรค์ทางคณิตศาสตร์ การวิเคราะห์ข้อมูลใช้โปรแกรม SPSS ในการหาค่าสถิติพื้นฐานและใช้โปรแกรม LISREL 8.54 ในการตรวจสอบความตรงเชิงโครงสร้างของโมเดลปัจจัยเชิงสาเหตุ ผลการวิจัยพบว่า 1) ความคิดสร้างสรรค์ทางคณิตศาสตร์ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษากำแพงเพชร เขต 1 มีค่าเฉลี่ยในการรวมอยู่ในระดับปานกลาง และพบว่า ตัวแปรสังเกตได้ด้านความคิดคล่องแคล่วทางคณิตศาสตร์ ด้านความคิดยืดหยุ่นทางคณิตศาสตร์ และด้านความคิดริเริ่มทางคณิตศาสตร์ มีค่าเฉลี่ยอยู่ในระดับปานกลาง 2)โมเดลมีความสอดคล้องกับข้อมูลเชิงประจักษ์ ได้ค่าสถิติไค-สแควร์(χ²)= 98.72 (p=0.23) df= 89, GFI=.99, AGFI=.97, RMR=.03 โมเดลสามารถอธิบายความแปรปรวนของความคิดสร้างสรรค์ทางคณิตศาสตร์ได้ร้อยละ 66 โดยตัวแปรที่มีอิทธิพลทางตรงต่อความคิดสร้างสรรค์ทางคณิตศาสตร์อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติได้แก่ เจตคติต่อวิชาคณิตศาสตร์ และการเข้าร่วมกิจกรรมทางคณิตศาสตร์ ตัวแปรที่มีอิทธิพลทางอ้อมอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ ได้แก่ บรรยากาศในห้องเรียนคณิตศาสตร์ มีอิทธิพลอ้อมผ่านเจตคติต่อวิชาคณิตศาสตร์ ตัวแปรที่มีอิทธิพลทางตรงและทางอ้อมอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ ได้แก่ พฤติกรรมการสอนคณิตศาสตร์ของครูและการสนับสนุนการเรียนคณิตศาสตร์ของผู้ปกครองรายการ เมทาเดทาเท่านั้น ผลการใช้โปรแกรมพัฒนาศักยภาพครูในการจัดการเรียนรู้รูปแบบ CREATIVES MODEL เพื่อส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ของนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปี ที่ 1(มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม, 2565) วนัสนันท์ เกษประสิทธิ์; พัชราวลัย มีทรัพย์วัตถุประสงค์ของการวิจัยเพื่อ 1) สร้างโปรแกรมการพัฒนาศักยภาพครูในการจัดการเรียนรู้รูปแบบ CREATIVES MODEL เพื่อส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ของนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 2) ศึกษาผลการพัฒนาศักยภาพครูในการจัดการเรียนรู้รูปแบบ CREATIVES MODEL เพื่อส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ของนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 3) เปรียบเทียบค่าเฉลี่ยคะแนนความคิดสร้างสรรค์ของนักเรียนมัธยมศึกษาปีที่ 1 ที่ได้รับการจัดการเรียนรู้รูปแบบ CREATIVESMODELเพื่อส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ ก่อนการทดลองและหลังการทดลอง กลุ่มตัวอย่างคือ นักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2565 โรงเรียนไกรในวิทยาคมรัชมังคลาภิเษก สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาสุโขทัย จำนวน 20 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย คือ 1) แบบทดสอบการอบรมเชิงปฏิบัติการ 2) แบบประเมินแผนการจัดการเรียนรู้เพื่อส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ 3) แบบวัดความคิดสร้างสรรค์ ใช้สถิติทดสอบที (Pair-Sample t-test) ผลการวิจัยพบว่า 1) โปรแกรมการพัฒนาศักยภาพครูในการจัดการเรียนรู้รูปแบบCREATIVES MODEL มี 3 ขั้นตอน คือ ขั้นตอนที่ 1 การวางแผน ขั้นตอนที่ 2 การฝึกปฏิบัติเขียนและการวิพากษ์แผนการจัดการเรียนรู้ การนำไปใช้จัดการเรียนรู้ และการจัดนิทรรศการ ขั้นตอนที่ 3 การประเมินผลจากผลการประเมินความเหมาะสมของโปรแกรม พบว่า มีความเหมาะสม อยู่ในระดับมากที่สุด 2) ผลการพัฒนาศักยภาพครูเมื่อเปรียบเทียบค่าเฉลี่ยของคะแนนก่อนการอบรมและหลังการอบรม พบว่า ความรู้ความเข้าใจของครูหลังการอบรมสูงกว่าก่อนการอบรม และแผนการจัดการเรียนรู้ มีความสอดคล้อง/เชื่อมโยง/ครอบคลุม/เหมาะสม มากที่สุด และ 3) นักเรียนที่ได้รับการจัดการเรียนรู้จากครูผู้เข้าร่วมการอบรมเชิงปฏิบัติการ โปรแกรมการพัฒนาศักยภาพครูในการจัดการเรียนรู้รูปแบบ CREATIVES MODEL เพื่อส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ของนักเรียนมีค่าเฉลี่ยคะแนนความคิดสร้างสรรค์หลังการทดลองสูงกว่าก่อนการทดลองอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05