วิทยานิพนธ์

Permanent URI for this collectionhttps://psruir.psru.ac.th/handle/123456789/132

ค้นหา

ผลลัพธ์การค้นหา

กำลังแสดง1 - 4 of 4
  • รายการการเข้าถึงแบบเปิด
    การพัฒนาระบบการบริหารจัดการคุณภาพการศึกษาด้านการดูแลช่วยเหลือนักเรียน โรงเรียนบ้านใหม่สามัคคี สังกัดสำนักงานขตพื้นที่การศึกษาพิษณุโลก เขต 2
    (มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม, 2550) กมล สุมาลา; เตือนใจ เกียวซี; วิราพร พงศ์อาจารย์
    วิทยานิพนธ์เรื่องการพัฒนาระบบการบริหารจัดการคุณภาพการศึกษา ด้านการดูแลช่วยเหลือนักเรียนโรงเรียนบ้านใหม่สามัคคี สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาพิษณุโลก เขต2 เป็นการวิจัยและพัฒนามีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาสภาพและปัญหาการบริหารจัดการคุณภาพการศึกษาด้านการดูแลช่วยเหลือนักเรียน และพัฒนาระบบการบริหารจัดการคุณภาพการศึกษาด้านการดูแลช่วยเหลือนักเรียน และพัฒนาระบบการบริหารจัดการคุณภาพการศึกษาด้านการจัดการดูแลช่วยเหลือนักเรียนที่มีความเหมาะสมกับบริบทของสถานศึกษา วิธีดำเนินการวิจัยเป็นการวิจัยเชิงปฏิบัติการแบบมีส่วนร่วม(participation Action Research : PAR) เพื่อสร้างองค์ความรู้ ประกอบด้วย 4 ขั้นตอน คือการศึกษาบริบท การพัฒนาระบบ การทดลองใช้ระบบและการประเมินระบบการบริหารจัดการพื้นที่พัฒนาขึ้น เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยได้แก่ แบบทดสอบ แบบประเมิน แบบสังเกต และแบบสัมภาษณ์กึ่งโครงสร้าง โดยเก็บรวบรวมข้อมูลจากเอกสาร สังเกต สัมภาษณ์ จัดสนทนากลุ่มและสอบถามความคิดเห็นของผู้มีส่วนเกี่ยวข้องการวิเคราะห์ข้อมูล ใช้วิธีวิเคราะห์เนื้อหาและวิเคราะห์ทางสถิติ ผลการวิจัยสรุปได้ว่า 1. ด้านสภาพและปัญหาในการบริหารจัดการ พบว่า โรงเรียนบ้านใหม่สามัคคีมีสภาพปัญหาเกี่ยวกับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนต่ำ ความสามารถด้านการวิเคราะห์ การอ่าน การเขียนอยู่ในระดับต่ำ ขาดการใฝ่รู้ใฝ่เรียน ไม่กล้าแสดงออก ก้าวร้าว ครูขาดความรู้ ความเข้าใจในการดูแลช่วยเหลือนักเรียน และการทำวิจัยเพื่อพัฒนาผู้เรียน 2. โรงเรียนบ้านใหม่สามัคคีได้พัฒนาระบบการบริหารจัดการ โดยนำหลักการบริหารคุณภาพของเดมมิ่ง อันประกอบไปด้วยขั้นตอนหลักที่สำคัญ 4 ขั้นตอน ได้แก่ การวางแผน การปฏิบัติ การตรวจสอบ และการปรับปรุงการดำเนินงานมาใช้ในการดำเนินงาน 3. ระบบบริหารจัดการคุณภาพการศึกษา ด้านการดูแลช่วยเหลือนักเรียนที่ผู้วิจัยพัฒนาขึ้น มีความสอดคล้องกับสภาพปัญหาและความต้องการของผู้บริหาร ครู นักเรียน และผู้ปกครอง ทำให้โรงเรียนมีการบริหารจัดการที่เป็นระบบ ช่วยให้ดำเนินงานประสบความสำเร็จ บรรลุตามจุดประสงค์ที่กำหนดไว้ ได้รับความรู้ที่จำเป็นต่อวิชาชีพครู มีการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการทำงานนักเรียนได้รับส่งเสริมการพัฒนาและแก้ปัญหา ทั้ง 5 ด้านคือ ด้านการเรียน ด้านร่างกาย ด้านสุขภาพจิตและพฤติกรรม ด้านเศรษฐกิจและด้านการคุ้มครองเป็นผลให้นักเรียนมีความสุขในการเรียนกล้าแสดงความคิดเห็น กระตือรือร้น และได้รับการช่วยเหลือมากขึ้น ก่อให้เกิดการพัฒนาทั้งโรงเรียน
  • รายการการเข้าถึงแบบเปิด
    การศึกษาการบริหารระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนของสถานศึกษาสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาพิษณุโลก เขต 2
    (มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม, 2551) วิษณุ สร้อยมี; เดือนใจ เกียวซี; สมหมาย อ่ำดอนกลอย
    การวิจัยในครั้งนี้มีจุดมุ่งหมายศึกษาการบริหารระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียน ของสถานศึกษา โดยกลุ่มตัวอย่างเป็น ผู้บริหารสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา พิษณุโลก เขต 2 จำนวน 108 คน ได้มาโดยการสุ่มแบบแบ่งชั้น เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ในครั้งนี้ คือ แบบสอบถามการบริหารระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนของสถานศึกษาเป็นแบบ มาตราส่วนประมาณค่า (Rating Scale) 5 ระดับ สถิติที่ใช้วิเคราะห์ข้อมูลคือ ค่าเฉลี่ยและ ค่าความเบี่ยงเบนมาตรฐาน ผลการวิจัยพบว่า การบริหารระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียน ในภาพรวมพบว่า การบริหารระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนของสถานศึกษา การปฏิบัติอยู่ในระดับมาก ในทุกด้านตามลำดับ ดังนี้ 1.ด้านการดำเนินงานระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียน 2.ด้านการวางแผนการปฏิบัติงานระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียน 3.ด้านการตรวจสอบประเมินผลระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียน 4.ด้านการปรับปรุงระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียน
  • รายการการเข้าถึงแบบเปิด
    การศึกษาสภาพการดำเนินงานระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียนของโรงเรียนขยายโอกาสทางการศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาพิษณุโลก เขต 1
    (มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม, 2557) ธันยพร สินมา; สมหมาย อ่ำดอนกลอย
    การวิจัยครั้งนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อศึกษาสภาพและแนวทางการดำเนินงานระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียนของโรงเรียนขยายโอกาสทางการศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาพิษณุโลก เขต 1 วิธีการดำเนินงานวิจัยแบ่งเป็น 2 ขั้นตอน ได้แก่ ขั้นตอนที่ 1 เป็นการศึกษาสภาพการดำเนินงานระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียน ประชากรที่ศึกษา คือ ครูหัวหน้างานระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียน ครูที่ปรึกษาประจำชั้นเรียน ครูหัวหน้างานแนะแนว รวม 160 คน เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูลเป็นแบบสอบถามแบบประมาณค่า 5 ระดับ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลได้แก่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน ขั้นตอนที่ 2 เป็นการศึกษาแนวทางการดำเนินงานระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียน โดยใช้วิธีการสนทนากลุ่ม (Focus Group) ผู้เชี่ยวชาญจำนวน 10 คน เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูลเป็นแบบบันทึกการสนทนากลุ่ม วิเคราะห์ข้อมูลด้วยการวิเคราะห์เชิงเนื้อหา (Content Analysis) ผลการวิจัยพบว่า 1.สภาพการดำเนินงานระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียนของโรงเรียนขยายโอกาสทางการศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาพิษณุโลก เขต 1 โดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก เมื่อพิจารณารายด้านอยู่ในระดับมากทั้ง 5 ด้าน 2.แนวทางการดำเนินงานระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียนของโรงเรียนขยายโอกาสทางการศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาพิษณุโลก เขต 1 คือ ด้านการรู้จักนักเรียนเป็นรายบุคคล ครูควรเก็บข้อมูลนักเรียนจากหลายแหล่ง ด้านการคัดกรองนักเรียน ควรแบ่งกลุ่มนักเรียนจากข้อมูลหลายด้านและครอบคลุม ด้านการส่งเสริมและพัฒนานักเรียน ควรจัดกิจกรรมเพื่อสนับสนุนให้นักเรียนอย่างรอบด้าน ด้านการป้องกันและแก้ไขปัญหานักเรียน จัดการอบรมให้ความรู้กับผู้ปกครองในเรื่องลักษณะธรรมชาติของตัวนักเรียน ด้านการส่งต่อนักเรียน ควรดำเนินการส่งต่อตามระบบมีการสร้างความเข้าใจระหว่างครูผู้ดำเนินงานและควรติดต่อประสานงานกับหน่วยงานภายนอกที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน
  • รายการการเข้าถึงแบบเปิด
    การศึกษาการดำเนินงานระบบช่วยเหลือและดูแลนักเรียนเกี่ยวกับสารเสพติดในสถานศึกษาขั้นพื้นฐานของผู้บริหารโรงเรียน สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาพิษณุโลก
    (มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม, 2552) บัญชา ว่องวิกย์การ; สุรชัย ขวัญเมือง; ชุมพล เสมาขันธ์
    การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาการดำเนินงานระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียนเกี่ยวกับสารเสพติดในสถานศึกษาขั้นพื้นฐานของผู้บริหารโรงเรียน สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาพิษณุโลก กลุ่มตัวอย่างในการวิจัยครั้งนี้ ประกอบด้วยผู้บริหารโรงเรียน สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาพิษณุโลก ปีการศึกษา 2550 จำนวน 495 คน จาก 495 โรงเรียน ซึ่งใช้วิธีการสุ่มแบบแบ่งชั้น (Random Sampling) ได้จำนวนประชากรทั้งหมด 348 คน สถิติวิเคราะห์ประกอบด้วยค่าความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการวิเคราะห์ความแปรปรวน f - test ผลการวิจัยพบว่า 1.การดำเนินงานระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียนเกี่ยวกับสารเสพติดในสถานศึกษาขั้นพื้นฐานของผู้บริหารโรงเรียน สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาพิษณุโลก โดยภาพรวมมีระดับการดำเนินงานอยู่ในระดับมาก เมื่อพิจารณารายขั้นตอนพบว่า ขั้นตอนที่ 1 การเตรียมการและวางแผนการดำเนินงาน โดยภาพรวม มีระดับการดำเนินงานอยู่ในระดับมาก ขั้นตอนที่ 2 การปฏิบัติตามแผน โดยภาพรวม มีระดับการดำเนินงานอยู่ในระดับมาก ขั้นตอนที่ 3 การกำกับ ติดตาม ประเมินผล และรายงาน โดยภาพรวม มีระดับการดำเนินงานอยู่ในระดับปานกลาง 2.ผู้บริหารโรงเรียน ที่มีประสบการณ์ต่างกัน มีการดำเนินงานบริหารจัดการระบบดูแลช่วยเหลือฯ โดยภาพรวม ไม่แตกต่างกัน ทุกขั้นตอน 3.ผู้บริหารโรงเรียน ที่มีขนาดของโรงเรียนต่างกัน มีการดำเนินงานบริหารจัดการระบบดูแลช่วยเหลือฯ โดยภาพรวม แตกต่างกัน ทุกขั้นตอน 4.ผู้บริหารโรงเรียน ที่สังกัดเขตพื้นที่โรงเรียนต่างกัน มีการดำเนินงานบริหารจัดการระบบดูแลช่วยเหลือฯ โดยภาพรวม ไม่แตกต่างกัน ยกเว้น ในขั้นตอนที่ 3 การกำกับ ติดตาม ประเมินผล และรายงาน