ผลการใช้โปรแกรมส่งเสริมความสามารถในการอ่านและการเขียนของนักเรียนระดับประถมศึกษา โดยใช้เทคนิคการสอน STAD ร่วมกับเทคนิคการสอน TGT

dc.titleผลการใช้โปรแกรมส่งเสริมความสามารถในการอ่านและการเขียนของนักเรียนระดับประถมศึกษา โดยใช้เทคนิคการสอน STAD ร่วมกับเทคนิคการสอน TGT
dc.title.alternativeEffect of ability reading and writing programs by using Student Teams Achievement Divisions techniques and Team-Games-Tournament techniques for elementary students
dc.contributor.authorนิวัฒ บัวติ๊บ
dc.contributor.advisorสวนีย์ เสริมสุข
dc.typeวิทยานิพนธ์/Thesis
dc.thesis.departmentคณะครุศาสตร์
dc.thesis.levelปริญญาโท
dc.thesis.degreenameครุศาสตรมหาบัณฑิต
dc.thesis.disciplineการวิจัยและพัฒนาทางการศึกษา
dc.thesis.grantorมหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม
dc.date.issued2565
dc.publisherมหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม
dc.description.abstractการวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาผลของโปรแกรมส่งเสริมทักษะการอ่านและการเขียนที่มีต่อทักษะการอ่านและการเขียนของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ที่กำลังศึกษาในปีการศึกษา 2564 แบ่งเป็น 2 กลุ่ม คือกลุ่มทดลองที่ได้รับโปรแกรมส่งเสริมทักษะการอ่านและการเขียน จำนวน 37 คน และกลุ่มควบคุมเรียนตามปกติ ไม่ได้รับโปรแกรมส่งเสริมทักษะการอ่านและการเขียน จำนวน 41 คน โดยรูปแบบการวิจัยเป็นการวิจัยกึ่งทดลอง (Quasi - Experimental Design) มีการวัดผลจำนวน 3 ครั้ง คือวัดผลก่อนการทดลอง หลังการทดลองและระยะติดตามผลการทดลองโดยใช้เครื่องมือการทดลองคือแบบทดสอบการอ่านสะกดคำและการเขียนสะกดคำ ก่อนเรียน หลังเรียน และระยะติดตามผล ใช้การวิเคราะห์ความแปรปรวนสองทางแบบวัดซ้ำ (Two-Way Repeated Measures ANOVA) ในการวิเคราะห์ข้อมูล ผลการวิจัยพบว่า 1. ระยะหลังการทดลองและระยะติดตามผลกลุ่มทดลองที่ได้รับโปรแกรมส่งเสริมทักษะการอ่านมีค่าเฉลี่ยคะแนนการอ่านในการสอบสูงกว่ากลุ่มที่ไม่ได้รับโปรแกรมส่งเสริมทักษะการอ่านอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 ปฏิสัมพันธ์ระหว่างกลุ่มและระยะการทดลองคำนวณค่า F-test ได้ 2.199 มีนัยสำคัญทางสถิติที่ ระดับ .113 ซึ่งมีค่ามากกว่า .05 แสดงว่าไม่มีปฏิสัมพันธ์ระหว่างกลุ่มและ ระยะการทดลอง 2. ระยะหลังการทดลองและระยะติดตามผลกลุ่มทดลองที่ได้รับโปรแกรมส่งเสริมทักษะการเขียนมีค่าเฉลี่ยคะแนนการเขียนในการสอบสูงกว่าในระยะก่อนการทดลองอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 ปฏิสัมพันธ์ระหว่างกลุ่มและระยะการทดลองคำนวณค่า F-test ได้ 14.105 มีนัยสำคัญทางสถิติที่ ระดับ .000 ซึ่งมีค่าน้อยกว่า .05 แสดงว่ามีปฏิสัมพันธ์ระหว่างกลุ่มและระยะการทดลอง
dc.subjectการสอนด้วยสื่อ
dc.subjectภาษาไทย--การศึกษาและการสอน(ประถมศึกษา)
dc.keywordsเทคนิคการสอน STAD
dc.keywordsการอ่านและการเขียน
dc.keywordsทคนิคการสอน TGT
dc.identifier.urihttps://psruir.psru.ac.th/handle/123456789/448
dc.rights.holderมหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม
dc.rightsผลงานนี้เผยแพร่ภายใต้ สัญญาอนุญาตครีเอทีฟคอมมอนส์แบบแสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 4.0 (CC BY-NC-ND 4.0)
dc.language.isotha
dc.relation.urihttp://dcms.thailis.or.th/dcms/dccheck.php?Int_code=22&RecId=1732&obj_id=8849
dc.relation.urihttp://dcms.thailis.or.th/dcms/dccheck.php?Int_code=22&RecId=1731&obj_id=8846

ไฟล์ข้อมูล

กลุ่มข้อมูล