รูปแบบการเรียนรู้ตามแนวจิตตปัญญาศึกษาเพื่อพัฒนาทักษะชีวิตสำหรับเด็กด้อยโอกาส ในโรงเรียนการศึกษาสงเคราะห์ สังกัดสำนักบริหารงานการศึกษาพิเศษ
dc.title | รูปแบบการเรียนรู้ตามแนวจิตตปัญญาศึกษาเพื่อพัฒนาทักษะชีวิตสำหรับเด็กด้อยโอกาส ในโรงเรียนการศึกษาสงเคราะห์ สังกัดสำนักบริหารงานการศึกษาพิเศษ | |
dc.title.alternative | A Contemplative Education Learning Model to Develop Life Skills of Underprivileged Children the Welfare School under the Office of Special Education Administration | |
dc.contributor.author | ณกมล นกแก้ว | |
dc.contributor.advisor | สุวารีย์ วงศ์วัฒนา | |
dc.contributor.advisor | อนุ เจริญวงศ์ระยับ | |
dc.type | วิทยานิพนธ์/Thesis | |
dc.thesis.department | คณะครุศาสตร์ | |
dc.thesis.level | ปริญญาเอก | |
dc.thesis.degreename | ปรัชญาดุษฎีบัณฑิต | |
dc.thesis.discipline | การวิจัยและพัฒนาทางการศึกษา | |
dc.thesis.grantor | มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม | |
dc.date.issued | 2565 | |
dc.publisher | มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม | |
dc.description.abstract | การวิจัยนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อ 1) ศึกษาองค์ประกอบทักษะชีวิตของนักเรียนด้อยโอกาสในโรงเรียนการศึกษาสงเคราะห์ สังกัดสำนักบริหารงานการศึกษาพิเศษ 2) สร้างและตรวจสอบรูปแบบการเรียนรู้ตามแนวจิตตปัญญาศึกษาเพื่อพัฒนาทักษะชีวิต สำหรับเด็กด้อยโอกาสในโรงเรียนการศึกษาสงเคราะห์ สังกัดสำนักบริหารงานการศึกษาพิเศษ 3) ทดลองใช้และหาประสิทธิภาพรูปแบบการเรียนรู้ตามแนวจิตตปัญญาศึกษาเพื่อพัฒนาทักษะชีวิต สำหรับเด็กด้อยโอกาส ในโรงเรียนการศึกษาสงเคราะห์ สังกัดสำนักบริหารงานการศึกษาพิเศษ และ 4) ศึกษาความคิดเห็นต่อรูปแบบการเรียนรู้ตามแนวจิตตปัญญาศึกษาเพื่อพัฒนาทักษะชีวิตสำหรับเด็กด้อยโอกาส ในโรงเรียนการศึกษาสงเคราะห์ สังกัดสำนักบริหารงานการศึกษาพิเศษกระบวนการวิจัยประกอบด้วย 1) วิเคราะห์องค์ประกอบเชิงยืนยันเพื่อตรวจสอบความเที่ยงตรงเชิงโครงสร้างของทักษะชีวิตสำหรับเด็กด้อยโอกาส กลุ่มตัวอย่างเป็นนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 กลุ่มเด็กยากจนมากเป็นพิเศษ ในโรงเรียนการศึกษาสงเคราะห์ 4 ภูมิภาค ๆ ละ 3 โรงเรียน รวม 520 คน เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บข้อมูล คือ แบบประเมินทักษะชีวิต สถิติที่ใช้ในการวิจัยคือค่าความถี่ ร้อยละและการวิเคราะห์องค์ประกอบเชิงยืนยัน 2) ยกร่าง ตรวจสอบปรับปรุง และหาคุณภาพตามมาตรฐานของรูปแบบ โดยผู้ทรงคุณวุฒิ จำนวน 7 คน เครื่องมือที่ใช้ คือ แบบประเมินคุณภาพตามมาตรฐานรูปแบบ 4 ด้าน สถิติที่ใช้ในการวิจัยคือค่าเฉลี่ยและส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน 3) ทดลองใช้รูปแบบ กับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 กลุ่มเด็กยากจนมากเป็นพิเศษ โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 57 จังหวัดเพชรบูรณ์ จำนวน 40 คน ได้มาโดยการเลือกแบบเจาะจง เครื่องมือที่ใช้ คือ แบบประเมินทักษะชีวิตก่อนและหลังเรียน และแบบประเมินทักษะชีวิตระหว่างกิจกรรมการเรียนรู้ สถิติที่ใช้ในการวิจัยคือค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ค่าร้อยละและสถิติวิเคราะห์ความแปรปรวนทางเดียวแบบวัดซ้ำ และ 4) ศึกษาความคิดเห็นต่อรูปแบบ จากนักเรียน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 กลุ่มเด็กยากจนมากเป็นพิเศษ โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 57 จังหวัดเพชรบูรณ์ จ านวน 40 คน เครื่องมือที่ใช้ คือ แบบสอบถามความคิดเห็นต่อการเรียนรู้ด้วยรูปแบบ สถิติที่ใช้ในการวิจัยคือค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานมหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงครามผลการวิจัยพบว่า 1. ทักษะชีวิตสำหรับเด็กด้อยโอกาส ในโรงเรียนการศึกษาสงเคราะห์ สังกัดสำนักบริหารงานการศึกษาพิเศษ ประกอบด้วย 4 องค์ประกอบหลัก ได้แก่ 1) ทักษะการตระหนักรู้และเห็นคุณค่า ในตนเองและผู้อื่น 2) ทักษะการคิดวิเคราะห์ตัดสินใจและแก้ปัญหาอย่างสร้างสรรค์ 3) ทักษะการจัดการกับอารมณ์และความเครียด และ 4) ทักษะการสร้างสัมพันธภาพที่ดีกับผู้อื่น และมีตัวชี้วัดรวมทั้งสิ้น 27 ตัวชี้วัด และโมเดลทักษะชีวิตสำหรับเด็กด้อยโอกาส ในโรงเรียนการศึกษาสงเคราะห์ สังกัดสำนักบริหารงานการศึกษาพิเศษ มีความสอดคล้องกลมกลืนกับข้อมูลเชิงประจักษ์ x² = 504.38, df. = 263, CFI = 0.963, TLI = 0.950, และRMSEA = 0.041 เมื่อพิจารณาผลการวิเคราะห์องค์ประกอบเชิงยืนยันอันดับหนึ่งของโมเดลทักษะชีวิตสำหรับเด็กด้อยโอกาส จำนวน 27 ตัวชี้วัด พบว่ามีค่าน้ำหนักองค์ประกอบมาตรฐานตั้งแต่ 0.534 - 0.761 มีค่าความเชื่อมั่นในการวัด (R2) อยู่ระหว่าง 0.285 – 0.579 ผลการวิเคราะห์องค์ประกอบเชิงยืนยันอันดับสอง พบว่าองค์ประกอบทั้ง 4 มีค่าน้ำหนักองค์ประกอบมาตรฐานอยู่ในช่วง 0.816 – 0.939 2. รูปแบบการเรียนรู้ตามแนวจิตตปัญญาศึกษาเพื่อพัฒนาทักษะชีวิตสำหรับเด็กด้อยโอกาสในโรงเรียนการศึกษาสงเคราะห์ สังกัดสำนักบริหารงานการศึกษาพิเศษ ประกอบด้วย 1) หลักการของรูปแบบ 2) วัตถุประสงค์ของรูปแบบ 3) เนื้อหาของรูปแบบ ประกอบด้วย 15 กิจกรรม 4) กระบวนการเรียนรู้ตามรูปแบบ แบ่งเป็น 3 ขั้นการเรียนรู้ คือ ขั้นที่ 1 การเตรียมการเตรียมจิต ขั้นที่ 2 การเสริมสร้างกระบวนการคิด และ ขั้นที่ 3 การเชื่อมโยงในชีวิต และ 5) การวัดและประเมินผล มีคุณภาพตามมาตรฐานของรูปแบบในภาพรวมอยู่ในระดับมาก 3. รูปแบบการเรียนรู้ตามแนวจิตตปัญญาศึกษาเพื่อพัฒนาทักษะชีวิตสำหรับเด็กด้อยโอกาสในโรงเรียนการศึกษาสงเคราะห์ สังกัดสำนักบริหารงานการศึกษาพิเศษ มีประสิทธิภาพ (E1/E2) เท่ากับ78.65/80.54 ตามเกณฑ์ประสิทธิภาพ 75/75 ที่ตั้งไว้ และระดับทักษะชีวิตของนักเรียนกลุ่มตัวอย่างหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ 4. นักเรียนมีความคิดเห็นต่อการเรียนรู้โดยใช้รูปแบบการเรียนรู้ตามแนวจิตตปัญญา ศึกษาเพื่อพัฒนาทักษะชีวิตสำหรับเด็กด้อยโอกาส ในโรงเรียนการศึกษาสงเคราะห์ สังกัดสำนักบริหารงานการศึกษาพิเศษ ในภาพรวม อยู่ในระดับมากที่สุด | |
dc.subject | เด็ก--ระดับสติปัญญา | |
dc.subject | จิตตปัญญา | |
dc.subject | เด็กด้อยโอกาส | |
dc.keywords | จิตตปัญญาศึกษา | |
dc.keywords | ทักษะชีวิต | |
dc.identifier.uri | https://psruir.psru.ac.th/handle/123456789/481 | |
dc.rights.holder | มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม | |
dc.rights | ผลงานนี้เผยแพร่ภายใต้ สัญญาอนุญาตครีเอทีฟคอมมอนส์แบบแสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 4.0 (CC BY-NC-ND 4.0) | |
dc.language.iso | tha | |
dc.relation.uri | http://dcms.thailis.or.th/dcms/dccheck.php?Int_code=22&RecId=1699&obj_id=8802 |