มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม

Permanent URI for this communityhttps://psruir.psru.ac.th/handle/123456789/128

ค้นหา

ผลการค้นหา

กำลังแสดง1 - 2 of 2
  • รายการการเข้าถึงแบบเปิด
    การพัฒนาคุณภาพลอดช่องหนองกระดิ่ง
    (มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม, 2549) น้ำทิพย์ วงศ์ประทีป
    การวิจัยครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาประวัติความเป็นมา และพัฒนากระบวนการผลิตลอดช่องหนองกระดิ่ง ให้สะอาดปลอดภัย และมีคุณค่าทางโภชนาการ การศึกษามี 2 ขั้นตอนคือ การศึกษาประวัติความเป็นมา และการพัฒนาคุณภาพผลิตภัณฑ์ ขั้นแรกศึกษาประวัติความเป็นมาของลอดช่องหนองกระดิ่ง โดยสัมภาษณ์และจัดเวทีชาวบ้านเพื่อรวบรวมข้อมูล จากการศึกษาพบว่า นางสนิท ขุนพินิจ เป็นผู้ริเริ่มการผลิตลอดช่องหนองกระดิ่ง เดิมตัวลอดช่องมีสีเขียว มีความเหนียวนุ่ม และขนาดตัวเล็กสม่ำเสมอ ขั้นตอนที่สองนำข้อมูลที่ได้มาพัฒนากระบวนการผลิต โดยทำการทดลองเพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ในห้องปฏิบัติการวิเคราะห์ผลทดลองทางกายภาพ เคมี ประสาทสัมผัส และตรวจสอบเชื้อจุลลินทรีย์กระบวนการพัฒนาเริ่มต้นด้วยการแช่นำข้าวปลอดสารพิษ มาแช่น้ำ และหมักสนเนื้อสัมผัสเละจากนั้นนำข้าวหมักผึ่งแดดให้แห้ง นำข้าวหมักที่ได้นวดกับน้ำปูนใส และผสมกับน้ำสมุนไพรในอัตราส่วนข้าวหมักต่อน้ำสมุนไพร 1 : 4 ลอดช่องที่ได้จะมีลักษณะเหนียวนุ่ม มีความยืดหยุ่น และมีสีสันแตกต่างจากลอดช่องทั่วไปคือ สีขาวจากน้ำปูนใส สีเขียวจากใบเตย สีเหลือจากดอกคำฝอย สีชุมพูจากฝาง และสีส้มจากมะตูม ลอดช่องหนองกระดิ่งทั้ง 5 สรมีปริมาณจุลินทรีย์ผ่านเกณฑ์มาตรฐานความสะอาดและปลอดภัย มีส่วนผสมทั้งหมดที่ได้จากธรรมชาติ มีปริมาณความชื้นร้อยละ 63.85-64.48 โปรตีนร้อยละ 2.99-3.15 ไขมันร้อยละ 0.12-0.15 คาร์โบไฮเดรตร้อยละ 32.18-32.68 โดยผู้บริโภคให้การยอมรับลอดช่องหนองกระดิ่งทั้ง 5 สีที่ระดับ 7.10-7.75
  • รายการการเข้าถึงแบบเปิด
    การพัฒนาผลิตภัณฑ์มี่สั้วเสริมสมุนไพรเพื่อสุขภาพ
    (มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม, 2550) น้ำทิพย์ วงศ์ประทีป
    วัตถุประสงค์ของงานวิจัยเพื่อศึกษาสูตรส่วนผสมการผลิตมี่สั้วจากพืชสมุนไพร ทำการตรวจสอบคุณภาพทางกายภาพ เคมี และจุลินทรีย์ของมี่สั้วสมุนไพรที่ผ่านการยอมรับของผู้บริโภคและการนำผลที่ได้ไปทดลองใช้ในระบบอุตสาหกรรม วิธีการศึกษาทำโดยนำพืชสมุนไพร 5 ชนิด ได้แก่ ใบเตย แครอท ฟักทอง มันเทศ และพริกไทยดำ มาหาสัดส่วนและปริมาณที่ใช้ในสูตรการผลิต ทำการทดสอบทางประสาทสัมผัส และตรวจสอบคุณภาพทางกายภาพ เคมี จุลินทรีย์ จากนั้นนำผลที่ได้ไปใช้ในอุตสาหกรรม พบว่า การผลิตมี่สั้วสูตรน้ำสมุนไพรที่ผู้ชิมให้การยอมรับได้แก่ มี่สั้วสูตรน้ำใบเตย ที่ได้จากการสกัดใบเตย 1 ส่วนต่อน้ำ 3 ส่วน มี่สั่วสูตรน้ำแครอทที่ได้จากการสกัดแครอท 1.5 ส่วนต่อน้ำ 1 ส่วน โดยปริมาณน้ำใบเตยและน้ำแครอทที่ใช้ร้อยละ 30.77 ส่วนมี่สั้วสูตรน้ำฟักทองและมันเทศ ใช้เนื้อที่ผ่านการนึ่งสุก 1 ส่วนต่อน้ำ 1 ส่วน และใช้ปริมาณร้อยละ 34.78 และมี่สั้วสูตรพริกไทยดำใช้พริกไทยดำปริมาณร้อยละ 0.4 โดยมี่สั้วสูตรน้ำใบเตยมีเส้นสีเขียว มี่สั้วน้ำแครอทมีเส้นสีส้ม มี่สั้วสูตรน้ำฟักทองมีเส้นสีเหลืองเข้ม มี่สั้วสูตรน้ำมันเทศมีเส้นสีเหลืองอ่อน และมี่สั้วสูตรพริกไทยดำมีสีเหลืองอ่อนปนจุดดำ คุณลักษณะทางกายภาพของระยะการยืดตัวหลังการต้ม และระยะทางการทนแรงดึงขาด พบว่ามี่สั้วสูตรสมุนไรทุกสูตรมี่ค่าต่ำกว่าสูตรมาตรฐาน แต่การทดสอบทางประสาทสัมผัสผู้บริโภคให้การยอมรับมี่สั้วสูตรสมุนไพรดีกว่ามาตรฐาน โดยคะแนนอยู่ในระดับ 7.87-8.13(ชอบปานกลาง-ชอบมาก)ยกเว้นสูตรพริกไทยดำ(คะแนนมีค่าเท่ากับ 3.80= ไม่ชอบปานกลาง) และมี่สั้วที่สมารถนำไปผลิตทางอุตสาหกรรมเพื่อจัดจำหน่าย ได้แก่ มี่สั้วสูตรน้ำใบเตย น้ำแครอท และน้ำฟักทอง โดยมี่สั้วทั้ง 3 สูตรมีค่าทางเคมี และจุลินทรีย์ผ่านเกณฑ์มาตรฐานชุมชนมี่สั้ว มผช.307/2547