วิจัย
Permanent URI for this collectionhttps://psruir.psru.ac.th/handle/123456789/150
ค้นหา
8 ผลลัพธ์
ผลลัพธ์การค้นหา
รายการ การเข้าถึงแบบเปิด ศักยภาพการพัฒนาด้านเศรษฐกิจของจังหวัดพิษณุโลกโดยใช้แบบจำลอง Boston Consulting Group (BCG)(มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม, 2558) อรรถพล จรจันทร์รายการ การเข้าถึงแบบเปิด การศึกษาเปรียบเทียบผลการเรียนรู้ตามมาตรฐานคุณวุฒิระดับปริญญาตรี สาขาวิชาการบัญชี กับมาตรฐานการศึกษาระหว่างประเทศสำหรับ ผู้ประกอบวิชาชีพบัญชี(มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม, 2562) พัชรินทรา ชัยสมตระกูล; สุธีรา วิไลกุล; รัตนา สิทธิอ่วมการศึกษาเปรียบเทียบผลการเรียนรู้ตามมาตรฐานคุณวุฒิระดับปริญญาตรี สาขาวิชาการบัญชี กับมาตรฐานการศึกษาระหว่างประเทศสำหรับผู้ประกอบวิชาชีพบัญชี มีวัตถุประสงค์เพื่อเปรียบเทียบผลการเรียนรู้ตามมาตรฐานคุณวุฒิระดับปริญญาตรี สาขาวิชาการบัญชีกับมาตรฐานการศึกษาระหว่างประเทศสำหรับผู้ประกอบวิชาชีพบัญชี ด้วยวิธีการวิเคราะห์ส่วนประกอบของข้อมูลเปรียบเทียบความเหมือนหรือความสอดคล้องและความแตกต่างของผลการเรียนรู้ตามมาตรฐานคุณวุฒิระดับปริญญาตรี สาขาวิชาการบัญชี (TOF) และมาตรฐานการศึกษาระหว่างประเทศสำหรับผู้ประกอบวิชาชีพบัญชี (IES) โดยจัดแบ่งกลุ่มรายวิชาบัญชีเป็น 7 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มวิชาการบัญชีการเงินและการรายงานทางการเงิน กลุ่มวิชาการบัญชีบริหาร กลุ่มวิชาการเงินและการบริหารการเงิน กลุ่มวิชาภาษีอากร กลุ่มวิชาการสอบบัญชีและการให้ความเชื่อมั่น กลุ่มวิชาการกำกับดูแล การบริหารความเสี่ยง และการควบคุมภายใน และกลุ่มวิชาเทคโนโลยีสารสนเทศ นำผลการเรียนรู้ที่มีวัตถุประสงค์ของการวัดผลเหมือนกันมาจับคู่กัน และวิเคราะห์กลุ่มรายวิชาตามผลการเรียนรู้ที่กำหนดไว้ในหลักสูตรบัญชีบัณฑิต (ปรับปรุง พ.ศ.2561) ของมหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม ผลการเปรียบเทียบผลการเรียนรู้ตามมาตรฐานคุณวุฒิระดับปริญญาตรี สาขาวิชาการบัญชี (TOF) และมาตรฐานการศึกษาระหว่างประเทศสำหรับผู้ประกอบวิชาชีพบัญชี (IES) พบว่า กลุ่มวิชาการบัญชีการเงินและการรายงานทางการเงิน ผลการเรียนรู้ด้านคุณธรรม จริยธรรมมีความแตกต่างมากที่สุด 2) กลุ่มวิชาการบัญชีบริหาร มีผลการเรียนรู้ใกล้เคียงกัน 3) กลุ่มวิชาการเงินและการบริหารการเงิน ผลการเรียนรู้ด้านคุณธรรม จริยธรรม และด้านทักษะทางปัญญามีความแตกต่างมากที่สุด 4) กลุ่มวิชาภาษีอากร ผลการเรียนรู้ด้านทักษะทางปัญญามีความแตกต่างมากที่สุด กลุ่มวิชาการสอบบัญชีและการให้ความเชื่อมั่น ผลการเรียนรู้ด้านทักษะความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลและความรับผิดชอบมีความแตกต่างมากที่สุด 6) กลุ่มวิชาการกำกับดูแล การบริหารความเสี่ยงและการควบคุมภายใน ผลการเรียนรู้ด้านทักษะทางปัญญามีความแตกต่างมากที่สุด 7) กลุ่มวิชาเทคโนโลยีสารสนเทศ ผลการเรียนรู้ด้านทักษะการวิเคราะห์เชิงตัวเลข การสื่อสาร และการใช้เทคโนโลยีมีความแตกต่างมากที่สุดรายการ การเข้าถึงแบบเปิด รู้เท่าทันสื่อดิจิทัลกับบทบาทของผู้บริโภค(มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม, 2562) พิชญาพร ประครองใจ; เอกรงค์ ปั้นพงษ์การศึกษาวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาระดับการรู้เท่าทันสื่อดิจิทัลของผู้บริโภคและเพื่อศึกษากระบวนการเรียนรู้การรู้เท่าทันสื่อตามสิทธิของผู้บริโภค ขนาดของกลุ่มตัวอย่างในการศึกษาครั้งนี้เท่ากับ 363 คน และภาคีเครือข่ายทํางานรู้เท่าทันสื่อประเทศไทย 11 คน ที่มีค่าความเชื่อถือได้ ร้อยละ 95 ค่าระดับความคลาดเคลื่อนไม่เกินร้อยละ 5 หรือระดับนัยสําคัญ 0.05 ผลการวิเคราะห์ พบว่า ระดับการรู้เท่าทันสื่อดิจิทัลของผู้บริโภค ผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่มีความรู้ในเรื่องการรู้เท่าทันสื่อดิจิทัล อยู่ในระดับมาก ด้านสื่อดิจิทัลมีอิทธิพลต่อผู้บริโภค การใช้ภาพประกอบ สี และแสง มีผลด้านจิตวิทยาต่อการตัดสินใจของผู้ซื้อ รองลงมาคือ ผู้ประกอบกิจการอย่างเฟซบุ๊ก กูเกิ้ล หรือยุทูป ล้วนมีรายได้จากการโฆษณาทางดิจิทัลฉันเนื่องมาจากการเข้าใช้บริการของผู้บริโภค และด้านข้อมูลพื้นฐานในการตรวจสอบข่าวที่เรากําลังอ่านตรงหน้า ตามลําดับ มีความเข้าใจในเรื่องการรู้เท่าทันสื่อดิจิทัลอยู่ในระดับมาก โดยนักศึกษาสามารถใช้ดุลยพินิจในการแชร์ข้อมูลของตนเองและผู้อื่นโดยคํานึงถึงความเป็นส่วนตัว และนักศึกษาสามารถวิเคราะห์แยกแยะระหว่างข้อมูลที่ถูกต้องและข้อมูลที่ผิด เนื้อหาที่ดี และเนื้อหาอันตราย ข้อมูลติดต่อออนไลน์ที่น่าเชื่อถือและน่าสงสัยได้ รองลงมาคือ นักศึกษาสามารถเข้าใจธรรมชาติของการใช้ชีวิตในโลกดิจิทัล ว่าจะหลงเหลือร่องรอยข้อมูลทั้งไว้เสมอ รวมไปถึงเข้าใจผลลัพธ์ที่อาจเกิดขึ้น เพื่อการดูแลสิ่งเหล่านี้อย่างมีความรับผิดชอบ และนักศึกษาสามารถแสดงความเข้าใจความรู้สึก หรือความต้องการของตนเองและผู้อื่นบนโลกออนไลน์ ตามลําดับ กระบวนการเรียนรู้การรู้เท่าทันสื่อตามสิทธิของผู้บริโภคประกอบด้วย (1) สร้างกระบวนการเรียนรู้ผ่านกิจกรรม ได้แก่ กําหนดวัตถุประสงค์กิจกรรมที่ชัดเจนและวัดผลได้วางแผนการจัดกิจกรรมอย่างมีระบบและเปิดโอกาสให้ผู้เรียนแสดงทัศนะอย่างกว้างขวางดําเนินกิจกรรมที่มีเนื้อหามาจากประสบการณ์/กรณีศึกษาที่น่าสนใจ และเป็นกิจกรรมที่ทําให้เกิดการมีส่วนร่วมและประเมินผลกิจกรรม โดยควรเป็นการวัดผลก่อน-หลังทํากิจกรรม (2) สร้างกระบวนการเรียนรู้ผ่านการวิเคราะห์จากกรณีศึกษา/ประสบการณ์ส่วนบุคคล ดังนี้ การตั้งคําถาม เช่น ข้อมูลนี้เชื่อถือได้หรือไม่ ข้อมูลนี้มาจากที่ใด มีวัตถุประสงค์อะไร ตรวจสอบความน่าเชื่อของข้อมูลกับแหล่งข้อมูลอื่นๆ ฝึกความคิดเชิงวิพากษ์ (Critical Thinking) และการมีวิจารญาณ (3) สร้างกระบวนการเรียนรู้ผ่านการการเรียนการสอน ดังนี้ จัดหลักสูตรการเรียนการสอนในแต่ละระดับชั้นและจัดหลักสูตรการเรียนการสอนระยะสั้น ทั้งนี้ เพื่อเป็นการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันให้แก่ผู้บริโภคสื่อดิจิทัล หรือความฉลาดทางดิจิทัล (Digital Intelligence) หรือ DQรายการ การเข้าถึงแบบเปิด การบริหารและจัดการการท่องเที่ยวเชิงนิเวศเพื่อการท่องเที่ยวในอุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า(มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม, 2547) ชุลีรัตน์ จันทร์เชื้อการวิจัยเรื่อง การบริหารและการจัดการการท่องเที่ยวเชิงนิเวศของอุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้าเพื่อการท่องเที่ยวที่ยั่งยืน มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาการบริหารและการจัดการการท่องเที่ยวเชิงนิเวศของอุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้าและแบบสำรวจการบริหารและการจัดการการท่องเที่ยวเชิงนิเวศเพื่อนำไปเป็นแนวทางในการกำหนดมาตรฐานการบริหารและการจัดการเชิงนิเวศของอุทยานแห่งชาติและแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติอื่นๆ เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษาคือ แบบจำลองการบริหารและการจัดการแหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศโดยปรับแต่งเป็นแบบสำรวจเพื่อใช้เก็บข้อมูลภาคสนามและแบบสอบถามที่นำไปเก็บข้อมูลจากหัวหน้าอุทยานแห่งชาติภู่หินร่องกล้า บุคคลผู้ปฏิบัติงานในอุทยานฯ นักท่องเที่ยว ประชาชนชุมชนท้องถิ่น ผลการศึกษาพบว่า อุทยานแห่งชาติภู่หินร่องกล้ามีความสามารถในการบริหารและการจัดการการท่องเที่ยวเชิงนิเวศในระดับที่สูง มีเพียง 4 กิจกรรมเท่านั้นที่อุทยานฯยังไม่ได้ดำเนินการ ส่วนความสามารถในการบริหารและการจัดการเกี่ยวกับส่วนอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น บุคลากรในองค์กร, นักท่องเที่ยว และชุมชนท้องถิ่นในเขตอุทยาน อยู่ในระดับดีพอสมควรทำให้เชื่อมั่นได้ว่าแบบสำรวจและแบบสอบถามการบริหารและการจัดการท่องเที่ยวเชิงนิเวศจะสามารถเป็นแนวทางในการกำหนดมาตรฐานการบริหารและการจัดการการท่องเที่ยวเชิงนิเวศของอุทยานแห่งชาติและแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติได้รายการ เมทาเดทาเท่านั้น การพัฒนาการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมของชุมชนบ้านนาเมือง อําเภอชาติตระการ จังหวัดพิษณุโลก(มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม, 2564) อรวรรณ ไพโรจนวุฒิพงศ์; บุษบา หินเธาว์; พิชญาพร ประครองใจ; ธิดารัตน์ วุฒิศรีเสถียรกุลการวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อการศึกษาวิถีชีวิต วัฒนธรรม ประเพณีของคนส่วนใหญ่ในชุมชนบ้านนาเมือง อําเภอชาติตระการ จังหวัดพิษณุโลก เพื่อการพัฒนากิจกรรมการท่องเที่ยวชุมชนบ้านนาเมือง อําเภอชาติตระการ จังหวัดพิษณุโลก และเพื่อการพัฒนาเส้นทางการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมและระบบสารสนเทศเพื่อประชาสัมพันธ์วัฒนธรรมและประเพณีของชุมชนบ้านนาเมือง อําเภอชาติตระการ จังหวัดพิษณุโลก ผู้วิจัยใช้การวิจัยเชิงปริมาณและเชิงคุณภาพ โดยดําเนินการตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2562 - พฤษภาคม 2563 และใช้กระบวนการวิจัยในการเก็บรวบรวมข้อมูลด้วยวิธีแบบสัมภาษณ์ แบบสังเกตการอย่างมีส่วนร่วมกับชุมชนมีตัวแทนชุมชน ร่วมเป็นผู้ให้ข้อมูลหลัก การมีส่วนร่วมในกิจกรรมทอผ้าและการประกอบอาหารพื้นถิ่น ผลการวิจัยพบว่า วิถีชีวิตวัฒนธรรมและประเพณีของคนส่วนใหญ่ในชุมชนบ้านนาเมืองเกี่ยวข้องกับธรรมชาติ โดยมีการดํารงชีวิตความสัมพันธ์ทางสังคมและความเป็นอยู่ได้รับคําแนะนําเกี่ยวกับความเชื่อและพิธีกรรมของสิบสองฮีต (เดือน) สิบสี่กงควบคุมจริยธรรมศีลธรรมและการปฏิบัติของหมู่บ้านเพื่อการดํารงอยู่อย่างสงบสุข สามารถทําได้โดยการสืบทอดวิถีชีวิตวัฒนธรรมประเพณีของชาวลาวที่บ้านนาเมือง อําเภอชาติตระการ จังหวัดพิษณุโลก สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นจาก 1. ระบบครอบครัว 2. ความเชื่อเรื่องผีหรือสิ่งเหนือธรรมชาติ 3. ความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นของสมาชิกในชุมชน 4. ความเข้้มแข็งของวัฒนธรรม / ประเพณีที่สําคัญของชุมชน 5. ความเชื่อของพระพุทธศาสนาและมีความสัมพันธ์กับทางธรรมชาติสามรูปแบบ คือ 1. สมาชิกในครอบครัวที่เป็นปัจจัยหลักในการถ่ายทอดทางมหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงครามพันธุกรรม 2. การเก็บรักษาข้อมูลในท้องถิ่นของนักวิชาการและผู้รู้ 3. ชุมชนวัดและสถานศึกษาที่มีส่วนร่วมในมรดกทางวัฒนธรรม ประเพณีของหมู่บ้าน. รูปแบบการท่องเที่ยวบ้านนาเมืองคือ “การท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมและศิลปะประเพณีและวิถีชีวิต” โดยมีองค์ประกอบ เช่น ทรัพยากรธรรมชาติ (น้ําตกภูเขาทิวทัศน์โดยรอบ) ความรู้ท้องถิ่น (ผ้าทอมือบ้านนาเมือง - อาหารพื้นบ้าน) และจัดกิจกรรมท่องเที่ยว (ปั่นนจักรยานสัมผัสวัฒนธรรมชนบทชมสะพานไม้กลางทุ่งนาชมการสาธิตการทอผ้าฝากทํางานศิลปาชีพผ้าทอมือ (บ้านนาเมือง) ร่วมสืบสานประเพณีบ้านนาเมืองทดลอง ด้านการเกษตรเพาะกล้า / ล่าปู / กบพูดและกิจกรรมทําอาหารพื้นบ้านปูผัด / ผัดเผ็ดกบ) และเพื่อสร้างช่องทางการประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวและประเพณีของชุมชนหน้าเมือง มีการใช้กระบวนการวิจัยร่วมกับชุมชนในฐานะผู้ให้ข้อมูลหลัก ตลอดจนการออกแบบเส้นทางและกิจกรรมการท่องเที่ยวร่วมกัน เครื่องมือวิจัยที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล ได้แก่ การสัมภาษณ์เชิงลึกการสนทนากลุ่มสัมภาษณ์แบบไม่เป็นทางการการประชุมกลุ่มการสังเกตแบบสอบถามและการสํารวจแหล่งท่องเที่ยวงานเทศกาลประเพณีและวัฒนธรรมในชุมชนบ้านนาเมือง และพื้นที่ใกล้เคียง เพื่อใช้ข้อมูลเพื่อกําหนดโครงสร้างข้อมูลภายในเว็บไซต์และวางผังรูปแบบของหน้าเว็บได้อย่างเหมาะสมรายการ เมทาเดทาเท่านั้น การพัฒนาอินโฟกราฟิกแนะแนวหลักสูตร คณะวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม(มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม, 2562) พิณรัตน์ นุชโพธิ์การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์สำคัญ คือ 1) เพื่อศึกษาความต้องการของสาขาวิชาในการพัฒนาอินโฟกราฟิกและระบบสารสนเทศเพื่อการจัดการประชาสัมพันธ์หลักสูตร คณะวิทยาการจัดการมหาวิทยาลัยพิบูลสงคราม 2) เพื่อออกแบบและพัฒนาอินโฟกราฟิก และระบบสารสนเทศเพื่อการจัดการประชาสัมพันธ์หลักสูตรคณะวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม 3) เพื่อศึกษาความคิดเห็นของครูแนะแนว และนักเรียนจากโรงเรียนเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 39 หลังการใช้อินโฟกราฟิก และระบบสารสนเทศเพื่อการจัดการประชาสัมพันธ์หลักสูตรคณะวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม โดยเก็บรวบรวมข้อมูลสำหรับการวิจัยจากประธานสาขาวิชาจำนวน 10 หลักสูตร ประกอบด้วย หลักสูตรปริญญาตรี 9 หลักสูตร ได้แก่ หลักสูตรบริหารธุรกิจบัณฑิต สาขาวิชาการตลาด สาขาวิชาการจัดการ สาขาวิชาการจัดการทรัพยากรมนุษย์ สาขาวิชาการจัดการเทคโนโลยีสารสนเทศทางธุรกิจ สาขาวิชาการจัดการธุรกิจค้าปลีก หลักสูตรบัญชีบัณฑิต สาขาวิชาการบัญชี หลักสูตรศิลปศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาการท่องเที่ยวและบริการ หลักสูตรนิเทศศาสตรบัณฑิต สาขาวิชานิเทศศาสตร์ หลักสูตรเศรษฐศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาเศรษฐศาสตร์ธุรกิจ และหลักสูตรปริญญาโท 1 หลักสูตร ได้แก่ หลักสูตรบริหารธุรกิจมหาบัณฑิต สาขาวิชาการจัดการประยุกต์ ผลการศึกษาพบว่า ประธานสาขาวิชาทั้ง 10 หลักสูตรต้องการสื่อประชาสัมพันธ์ที่ให้ความสำคัญกับการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับอาชีพที่ตรงกับสาขาวิชา โครงสร้างหลักสูตรและการเรียนการสอน และโอกาสในการประกอบอาชีพ มากที่สุด ขั้นตอนต่อไปคือการศึกษาความต้องการสื่อประชาสัมพันธ์ และระบบสารสนเทศเพื่อการจัดการประชาสัมพันธ์หลักสูตรคณะวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงครามของกลุ่มตัวอย่างครูแนะแนวสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเขต 39 จำนวน 52 คน จากการศึกษา พบว่า กลุ่มตัวอย่างครูแนะแนว มีความต้องการสื่อสารสนเทศที่ทันสมัย และต้องการใช้ระบบสารสนเทศเพื่อการจัดการด้านกระบวนการทำงานมากที่สุด หลังจากการศึกษาความต้องการของประธานสาขาวิชา และกลุ่มตัวอย่างครูแนะแนวแล้วจะนำข้อมูลดังกล่าวมาเป็นแนวทางในการพัฒนาสื่อประชาสัมพันธ์ในรูปแบบอินโฟกราฟิกและระบบสารสนเทศเพื่อการจัดการประชาสัมพันธ์หลักสูตร จากนั้นได้ทำการประเมินความพึงพอใจหลังการใช้งานอินโฟกราฟิก ซึ่งจากกลุ่มตัวอย่างครูแนะแนว จำนวน 52 คน และกลุ่มตัวอย่างนักเรียนมัธยมศึกษาตอนปลายจากโรงเรียนเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเขต 39 จำนวน 1,050 คน และพบว่า กลุ่มตัวอย่างครูแนะแนวมีความพึงพอใจคุณภาพด้านเนื้อหา การบรรยาย และการบันทึกเสียงมากที่สุด รองลงมา คือคุณภาพการออกแบบ และด้านการสร้างภาพเคลื่อนไหว ตามลำดับ ส่วนกลุ่มตัวอย่างนักเรียนมีความพึงพอใจด้านเนื้อหา และด้านประโยชน์ในการนำไปใช้มากที่สุดเท่ากัน ในส่วนของการประเมินความพึงพอใจหลังการใช้ระบบสารสนเทศเพื่อการจัดการประชาสัมพันธ์หลักสูตร พบว่า กลุ่มตัวอย่างครูแนะแนวมีความพึงพอใจด้านประสิทธิภาพการทำงานของระบบมากที่สุด รองลงมา คือ ความพึงพอใจด้านความยากง่ายต่อการใช้ระบบ และด้านความปลอดภัยของข้อมูล ตามลำดับ กลุ่มตัวอย่างนักเรียนมีความพึงพอใจด้านประโยชน์ในการนำไปใช้มากที่สุด รองลงมาด้านการออกแบบและจัดรูปแบบ และด้านความยากง่ายต่อการใช้ระบบตามลำดับรายการ เมทาเดทาเท่านั้น ปัจจัยเชิงกลยุทธ์ที่มีความสัมพันธ์กับความสำเร็จของผู้ประกอบการธุรกิจด้าน โรงแรมขนาดเล็ก ในเขตภาคเหนือตอนล่าง(มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม, 2563) สุธาสินี อรุณงานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อศึกษาลักษณะและการดำเนินธุรกิจโรงแรมขนาดเล็กในเขตภาคเหนือตอนล่าง 2) เพื่อศึกษาตัวแปรเชิงกลยุทธ์ของความสำเร็จของผู้ประกอบการธุรกิจโรงแรมขนาดเล็กในเขตภาคเหนือตอนล่าง และ 3) เพื่อวิเคราะห์ความสัมพันธ์ของปัจจัยเชิงกลยุทธ์ที่มีผลต่อความสำเร็จของผู้ประกอบการธุรกิจโรงแรมขนาดเล็กในเขตภาคเหนือตอนล่าง การวิจัยในครั้งนี้กลุ่มตัวอย่างเป็นผู้ประกอบการ เจ้าของกิจการ ผู้จัดการ หรือผู้รับผิดชอบของธุรกิจโรงแรมขนาดเล็กในเขตภาคเหนือตอนล่างจำนวน 75 แห่ง เป็นการวิจัยเชิงปริมาณโดยใช้แบบสอบถามเป็นเครื่องมือในการเก็บรวบรวมข้อมูล วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติ ได้แก่ ค่าความถี่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์เพียร์สัน ผลการศึกษาพบว่า 1) ลักษณะรูปแบบของโรงแรมขนาดเล็กในเขตภาคเหนือตอนล่าง จำนวนห้องพักส่วนใหญ่มี 31-40 ห้อง จำนวนพนักงานของโรงแรมส่วนใหญ่มี 16-20 คน ระยะเวลาในการดำเนินงานของกิจการมีระยะเวลา 16 ปี ขึ้นไป 2) ผู้ประกอบการมีความคิดเห็นเกี่ยวกับปัจจัยเชิงกลยุทธ์ของธุรกิจโรงแรมในภาพรวมทุกกลยุทธ์มีค่าคะแนนเฉลี่ยอยู่ในระดับมาก ซึ่งได้แก่ กลยุทธ์ด้านผลิตภัณฑ์ กลยุทธ์ด้านราคา กลยุทธ์ด้านทำเล กลยุทธ์ด้านการส่งเสริมการตลาด กลยุทธ์ด้านพนักงาน กลยุทธ์ด้านกระบวนการให้บริการ และกลยุทธ์ด้านกายภาพ 3) จำนวนห้องพักและจำนวนพนักงานของธุรกิจโรงแรมที่ต่างกันมีความสำเร็จในการประกอบธุรกิจแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 แต่ระยะเวลาในการดำเนินงานของกิจการของธุรกิจโรงแรมที่ต่างกันมีความสำเร็จในการประกอบธุรกิจไม่แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 และในส่วนของปัจจัยเชิงกลยุทธ์ทุกกลยุทธ์ มีความสัมพันธ์กับความสำเร็จของผู้ประกอบการธุรกิจโรงแรมไปในทิศทางเดียวกันในระดับสูงมาก อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .001รายการ เมทาเดทาเท่านั้น การพัฒนาโมบายไซต์โดยใช้แบบจําลองความสําเร็จของระบบสารสนเทศ IS Success Model ของธุรกิจโรงแรมในจังหวัดพิษณุโลก(มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม, 2563) ศศินิภา ศรีกัลยานิวาทการวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาความสัมพันธ์ของคุณภาพระบบ คุณภาพสารสนเทศและคุณภาพบริการที่มีผลต่อความพึงพอใจและความไว้วางใจของนักท่องเที่ยวที่เข้ามาใช้บริการผ่านทางโมบายไซต์ของธุรกิจโรงแรม โดยการประยุกต์ใช้แบบจําลองของ DeLone และ McLean กลุ่มประชากร คือ นักท่องเที่ยวที่เข้ามาใช้บริการโมบายไซต์ของธุรกิจโรงแรม ระดับ 4 และ 5 ดาว ในจังหวัดพิษณุโลก งานวิจัยชิ้นนี้เป็นงานวิจัยเชิงปริมาณ กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการสํารวจ คือ นักท่องเที่ยวที่เข้ามาใช้บริการโมบายไซต์ของธุรกิจโรงแรม จํานวน 400 คน โดยใช้แบบสอบถามออนไลน์ เป็นเครื่องมือในการเก็บรวบรวมข้อมูล วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้ซอฟต์แวร์สําเร็จรูปทางสถิติประมวลผลข้อมูลโดยสถิติที่ใช้ ได้แก่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และค่าสถิติการวิเคราะห์การถดถอยพหุคูณ ผลการศึกษาพบว่า คุณภาพระบบ คุณภาพสารสนเทศ และคุณภาพบริการ มีผลกระทบต่อความพึงพอใจและความไว้วางใจของนักท่องเที่ยวที่เข้ามาใช้บริการโมบายไซต์ของธุรกิจโรงแรม