เรียกดูข้อมูลตาม ชื่อผู้แต่ง/ผู้สร้างสรรค์ผลงาน "นันทพันธ์ คดคง"
กำลังแสดง1 - 2 of 2
- Results Per Page
- ตัวเลือกการเรียงลำดับ
รายการ เมทาเดทาเท่านั้น การพัฒนารูปแบบอารยสถาปัตย์ที่เหมาะสมในเขตพื้นที่อำเภอเมืองพิษณุโลก เพื่อรองรับความเติบโตทางด้านเศรษฐกิจ สังคมและการท่องเที่ยว(มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม, 2562) โชติ บดีรัฐ; สุพัตรา เจริญภักดี บดีรัฐ; ยุวดี พ่วงรอด; นันทพันธ์ คดคงการวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อศึกษาการสำรวจรูปแบบการพัฒนารูปแบบอารยสถาปัตย์ที่เหมาะสม 2) เพื่อศึกษาปัจจัยที่ส่งผลต่อการพัฒนารูปแบบอารยสถาปัตย์ที่เหมาะสม 3) เพื่อศึกษาแนวทางการพัฒนารูปแบบอารยสถาปัตย์ที่เหมาะสม และ 4) เพื่อนำเทคโนโลยีสารสนเทศ (GPS) หรือ Landmaps มาจัดทำข้อมูลด้านอารยสถาปัตย์ที่เหมาะสมของอำเภอเมืองพิษณุโลก เพื่อรองรับความเติบโตทางด้านเศรษฐกิจ สังคมและการท่องเที่ยว เก็บข้อมูลวิจัยเชิงปริมาณโดยใช้แบบสอบถามการกำหนดขนาดกลุ่มตัวอย่างด้วยตารางสำเร็จรูปของ "Taro Yamane" ที่ระดับความเชื่อมั่น 95 % และที่ระดับความคลาดเคลื่อน ± 5 % ในการวิจัยครั้งนี้ ผู้วิจัยจะใช้ขนาดของกลุ่มตัวอย่างที่เหมาะสม คือ 400 คน ส่วนกลุ่มตัวอย่างที่ได้จากการสัมภาษณ์ด้วยวิธีการสุ่มแบบเจาะจง ได้แก่ 1) การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยจังหวัดพิษณุโลก จำนวน 3 คน 2) สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดพิษณุโลก จำนวน 3 คน 3) ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในเขตอำเภอเมือง จังหวัดพิษณุโลก จำนวน 19 คน รวมถึงกลุ่มตัวอย่างจากการสนทนากลุม จำนวน 38 คน และนำมาวิเคราะห์หาค่าสถิติ ได้แก่ ค่าเฉลี่ย (x̄) ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) ผลการวิจัยมีดังนี้ 1.รูปแบบการพัฒนารูปแบบอารยสถาปัตย์ที่เหมาะสม พบว่า อารยสถาปัตย์ที่เหมาะสม จะต้องประกอบไปด้วย สถานที่ สิ่งของ ทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่รอบๆ ตัวเราให้รองรับการใช้งานของมวลสมาชิกในสังคม โดยที่ไม่ต้องออกแบบหรือจัดทำขึ้นสำหรับคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งโดยเฉพาะ ไม่ว่าพวกเขานั้น จะเป็นเพศหญิงหรือเพศชาย วัยเด็กหรือวัยชรา ใช้ขาเดินหรือใช้รถเข็น การออกแบบดังกล่าวจะเน้นประโยชน์สูงสุดของคนในสังคมร่วมกัน โดยไม่มีข้อจำกัด เช่น การทำทางลาดขึ้นลง ทางเท้า และอาคารสถานที่ต่างๆ ให้กับผู้พิการที่ใช้รถเข็น หรือบล็อกทางเดินสำหรับคนตาบอด เพื่อให้พวกเขานั้น ใช้ชีวิต นอกบ้านได้อย่างสะดวก และปลอดภัย 2.ปัจจัยที่ส่งผลต่อการพัฒนารูปแบบอารยสถาปัตย์ที่เหมาะสม พบว่า โดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก และเมื่อพิจารณาเป็นรายด้าน ด้านที่มีค่าเฉลี่ยสูงสุด คือ ด้านความเข้าใจ ข้อมูลชัดเจน และรองลงมาตามลำดับ คือ ด้านใช้งานง่ายไม่ยุ่งยาก ด้านมีความยืดหยุ่น ปรับเปลี่ยนได้ ด้านความเสมอภาค เท่าเทียมกันในการใช้ประโยชน์ ด้านเบาแรงช่วยทุนแรงกาย ด้านมีพื้นที่ใช้สอยสำหรับการใช้งานได้อย่างเหมาะสมกับคนทุกรูปร่าง และด้านความปลอดภัย มีระบบป้องกันอันตราย 3.แนวทางการพัฒนารูปแบบอารยสถาปัตย์ที่เหมาะสม พบว่า ด้านความเสมอภาค เท่าเทียมกันในการใช้ประโยชน์ และด้านพื้นที่ใช้สอยสำหรับการใช้งานได้อย่างเหมาะสมกับคนทุกรูปร่าง ควรมีการจัดสรรโดยไม่เลือกปฏิบัติ จะต้องมีการจัดทำขึ้นเพื่อคนทุกกลุ่ม ทุกวัย ทุกอาชีพ จะยากดีมีจน หรือแม้แต่ชาวต่างชาติที่เข้ามาเที่ยวในจังหวัดพิษณุโลก ด้านการใช้งานง่ายไม่ยุ่งยาก โดยเฉพาะวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ (วัดใหญ่) ที่มีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติเข้ามาเที่ยว นอกจากนี้ยังมีประชาชนที่หลากหลายกลุ่ม หลายระดับ หลายเพศ หลายวัย เข้ามานมัสการพระพุทธชินราช มาเที่ยวชมโบราณสถาน โบราณวัตถุ ซื้อของฝาก รวมถึง ด้านความเข้าใจ ข้อมูลชัดเจน ควรจัดทำขึ้นให้มีการสื่อสารที่เข้าใจง่าย ข้อมูลชัดเจนทั้งด้านภาษา ด้านรูปภาพ ด้านสัญลักษณ์ และการออกแบบโครงสร้างพื้นฐานให้มีความเหมาะสมกับคนทุกกลุ่ม และสามารถรองรับคนจำนวนมากได้ ด้านความยืดหยุ่น ปรับเปลี่ยนได้ ด้านเบาแรงช่วยทุนแรงกาย โดยเฉพาะกับกลุ่มเด็ก สตรี ผู้สูงอายุ หรือผู้พิการ ที่สำคัญคือ ด้านความปลอดภัย ต้องมีระบบป้องกันอันตราย ซึ่งด้านนี้ถือว่ามีความสำคัญมากที่จะสร้างความสบายใจ ความน่าประทับ และความไว้วางใจ เพราะคำว่าอารยสถาปัตย์ที่เหมาะสม จะต้องตระหนักถึงความปลอดภัย มีระบบป้องกันอันตรายที่มาเป็นอันดับต้นๆ ทั้งด้านการออกแบบ การก่อสร้างที่ได้มาตรฐาน และสามารถรองรับทั้งด้านการท่องเที่ยว ด้านสังคมและด้านเศรษฐกิจได้ ด้านพื้นที่ใช้สอยสำหรับการใช้งานได้อย่างเหมาะสมกับคนทุกรูปร่าง พบว่า ประชาชนแสดงความคิดเห็นต่อแนวทางการพัฒนารูปแบบอารยสถาปัตย์ที่เหมาะสมในเขตพื้นที่อำเภอเมืองพิษณุโลก 4.การนำเทคโนโลยีสารสนเทศ (GPS) หรือ Landmaps มาจัดทำข้อมูลด้านอารยสถาปัตย์ที่เหมาะสมของอำเภอเมืองพิษณุโลก พบว่า สถานที่ที่นําเทคโนโลยีสารสนเทศ (GPS) หรือ Landmaps มาจัดทำข้อมูลด้านอารยสถาปัตย์ที่เหมาะสมมากที่สุด และประชาชนเข้าใช้บริการอารยสถาปัตย์ที่มีจำนวนมากที่สุด คือ วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ เนื่องด้วยถือว่าเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญของจังหวัดพิษณุโลก จึงทำให้มีการออกแบบและรองรับด้านอารยสถาปัตย์ได้มาตรฐาน สามารถรองรับความเติบโตทางด้านเศรษฐกิจ สังคมและการท่องเที่ยวได้รายการ การเข้าถึงแบบเปิด แนวทางการจัดตั้งสถานสงเคราะห์คนชรา ภายใต้ความร่วมมือขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ในเขตอำเภอเมือง จังหวัดพิษณุโลก(มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม, 2557) นันทพันธ์ คดคง; ธนัสถา โรจนตระกูลการศึกษาวิจัยเรื่อง แนวทางการจัดตั้งสถานสงเคราะห์คนชรา ภายใต้ความร่วมมือขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ในเขตอำเภอเมือง จังหวัดพิษณุโลก มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อศึกษาความคิดเห็นต่อแนวทางการจัดตั้งสถานสงเคราะห์คนชรา ภายใต้ความร่วมมือขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น 2) เพื่อเปรียบเทียบปัจจัยที่ส่งผลต่อการจัดตั้งสถานสงเคราะห์คนชรา ภายใต้ความร่วมมือขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และ 3) เพื่อศึกษาแนวทางในการส่งเสริมและสนับสนุนการจัดตั้งสถานสงเคราะห์ของคนชรา ภายใต้ความร่วมมือขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ในเขตอำเภอเมือง จังหวัดพิษณุโลก เป็นการวิจัยเชิงปริมาณและคุณภาพ การวิจัยเชิงปริมาณใช้กลุ่มตัวอย่างที่ได้จากการกำหนดขนาด โดยใช้ตารางสำเร็จรูปของทาโรยามาเน่ (Yamane) จำนวน 400 คน เครื่องมือที่ใช้สำหรับการเก็บรวบรวมข้อมูลได้แก่ แบบสอบถาม วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติเชิงพรรณนานำมาแจกแจงความถี่ หาค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย และค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการใช้สถิติเชิงอนุมาน โดยใช้การทดสอบ t-test สถิติ F – test ส่วนการวิจัยเชิงคุณภาพ ใช้กลุ่มตัวอย่างที่ได้จากวิธีการสัมภาษณ์แบบกึ่งโครงสร้าง และทำการสนทนากลุ่ม (Focus group) วิเคราะห์ข้อมูลที่ได้มาด้วยการวิเคราะห์เชิงเนื้อหาแล้วสรุปผลเป็นความเรียง ผลการวิจัยพบว่า 1.ความคิดเห็นต่อแนวทางการจัดตั้งสถานสงเคราะห์คนชรา ภายใต้ความร่วมมือขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ทั้งหมด 6 ด้าน พบว่า โดยภาพรวม อยู่ในระดับมากที่สุด เมื่อพิจารณาเป็นรายด้าน ค่าเฉลี่ยสูงสุดคือ ด้านความมั่นคงทางสังคม ครอบครัว ผู้ดูแล และการคุ้มครอง และรองลงมาตามลำดับ คือ ด้านที่พักอาศัย ด้านสุขภาพและการรักษาพยาบาล ด้านเน้นทนาการ ด้านการสร้างรายได้ และด้านบริการทางสังคม และเครือข่ายการเกื้อหนุน 2.เปรียบเทียบปัจจัยที่ส่งผลต่อการจัดตั้งสถานสงเคราะห์คนชรา ภายใต้ความร่วมมือขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จำแนกตามปัจจัยส่วนบุคคล พบว่า เพศ อายุ อาชีพ รายได้ ผู้อุปการะเลี้ยงดู มีผลต่อการจัดตั้งสถานสงเคราะห์คนชรา ภายใต้ความร่วมมือขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ส่วนระดับการศึกษา สถานภาพสมรส และ ไม่มีผลต่อการจัดตั้งสถานสงเคราะห์คนชรา 3.แนวทางในการส่งเสริม และสนับสนุนการจัดตั้งสถานสงเคราะห์ของคนชรา ภายใต้ความร่วมมือขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จากการสัมภาษณ์และสนทนากลุ่ม พบว่า การจัดตั้งสถานสงเคราะห์ของคนชรา จะเกิดผลได้อย่างเป็นรูปธรรมนั้น สิ่งที่สำคัญที่สุดนั่นคือ การตระหนักและใส่ใจในในทุกๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นในด้านสุขภาพและการรักษาพยาบาล ด้านรายได้ ด้านที่พักอาศัย ด้านเน้นทนาการ ด้านความมั่นคงทางสังคม ครอบครัว ผู้ดูแล และการคุ้มครอง และด้านการสร้างบริการและเครือข่ายการเกื้อหนุน เพราะประเด็นเหล่านี้ถือว่ามีความสำคัญเป็นอย่างยิ่งที่จะส่งให้คุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ให้ผู้สูงอายุได้อยู่ดีกินดี และมีความสุขมากที่สุด เนื่องด้วยสิ่งเหล่านี้ไม่ได้เป็นการแต่งเรื่องหรือสมมุติขึ้นมาเอง เพราะจากการสัมภาษณ์และสนทนากลุ่ม ก็ถือเป็นเครื่องการันตีได้ว่า ความต้องการเหล่านี้ยังมีอยู่จริง ซึ่งผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจะต้องทราบถึงความต้องการเหล่านี้และต้องเร่งดำเนินการเพื่อที่จะตอบสนองความต้องการเหล่านี้ ผู้สูงอายุถือเป็นประชาชนคนหนึ่งในท้องถิ่นซึ่งมีสิทธิ์มีเสียงเหมือนวัยหนุ่มสาว แต่จะมีความแตกต่างกันก็วัยสังขารที่ล่วงโรย การบริหารสมัยใหม่จะต้องยึดคนเป็นศูนย์กลางในการพัฒนา ซึ่งหมายถึงทุกคนจะต้องได้รับบริการสาธารณะอย่างเสมอภาคเท่าเทียมกัน