มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม
Permanent URI for this communityhttps://psruir.psru.ac.th/handle/123456789/128
ค้นหา
2 ผลลัพธ์
ผลการค้นหา
รายการ การเข้าถึงแบบเปิด การพัฒนากลยุทธ์การบริหารต้นทุนต่อหน่วยบริการของ ศูนย์สุขภาพชุมชน อำเภอเนินมะปราง จังหวัดพิษณุโลก(มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม, 2550) มนัส มากบุญ; อำนวยพร สุนทรสมัย; สุภาพ รมณีย์พิกุล; เทอดศักดิ์ จันทร์อรุณวิทยานิพนธ์เรื่องการพัฒนากลยุทธ์การบริหารต้นทุนต่อหน่วยบริการของศูนย์สุขภาพชุมชน อำเภอเนินมะปราง จังหวัดพิษณุโลก เป็นการวิจัยและพัฒนากลยุทธ์การบริหารต้นทุน ต่อหน่วยบริการ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาต้นทุนต่อหน่วยบริการและเสนอกลยุทธ์การบริหารต้นทุนของศูนย์สุขภาพชุมชนอำเภอเนินมะปราง จังหวัดพิษณุโลก ประชากรที่ศึกษา ได้แก่ เจ้าหน้าที่สาธารณสุขที่ปฏิบัติงานในศูนย์สุขภาพชุมชนทั้งหมดในอำเภอเนินมะปราง จังหวัดพิษณุโลก จำนวน 41 คน ผลการวิจัยสรุปได้ดังนี้ ต้นทุนต่อหน่วยบริการจำแนกตามรายกิจกรรม ต่อการให้บริการ 1 ครั้ง พบว่า กิจกรรมงานรักษาพยาบาล มีต้นทุนต่อหน่วย เท่ากับ 74.18 บาท งานอนามัยแม่และเด็กมีต้นทุนต่อหน่วยเท่ากับ 297.21 งานวางแผนครอบครัว มีต้นทุนต่อหน่วย เท่ากับ 169.44 บาท งาน สร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค มีต้นทุนต่อหน่วยเฉลี่ย เท่ากับ 220.06 งานเยี่ยมบ้าน มีต้นทุนต่อหน่วย เท่ากับ 19.26 บาทงานอนามัย โรงเรียน มีต้นทุนต่อหน่วย เท่ากับ 472.27 บาท งานสุขาภิบาลและควบคุมโรค มีต้นทุนต่อหน่วย เท่ากับ 782.62 บาท และงานทันตสาธารณสุข มีต้นทุนต่อหน่วย เท่ากับ 726.69 บาท สัดส่วนของต้นทุนด้านค่าแรง ต้นทุนค่าวัสดุ และต้นทุนค่าลงทุน เท่ากับ 299,348 : 205,148 : 155,419 หรือร้อยละ 45.36 : 31.09 : 23.55 การเปรียบเทียบต้นทุนต่อหน่วยบริการเฉลี่ยจำแนกตามรายกิจกรรมของศูนย์สุขภาพชุมชนพบว่าทั้งศูนย์สุขภาพชุมชนขนาดใหญ่และขนาดเล็กมีต้นทุนต่อหน่วยบริการไม่แตกต่างกัน คือ มีต้นทุนค่าแรงมากที่สุด รองลงมาคือต้นทุนค่าวัสดุ และต้นทุนค่าลงทุน การพัฒนาในเชิงกลยุทธ์ของศูนย์สุขภาพชุมชน พบว่า เจ้าหน้าที่ส่วนใหญ่ใช้การพัฒนากลยุทธ์ผู้นำในค่าใช้จ่าย โดยเสนอกลยุทธ์ ลดค่าแรงเจ้าหน้าที่ในการปฏิบัติงานนอกเวลาราชการ 3 วิธี คือ 1.การลดการอยู่บรรนอกเวลาลงครึ่งหนึ่งของปัจจุบัน 2.เจ้าหน้าที่ในศูนย์สุขภาพชุมชนลูกข่ายไปขึ้นเวรนอกเวลาในศูนย์สุขภาพชุมชนแม่ข่าย 3.การงดการอยู่เวรนอกเวลาทั้งหมดรายการ เมทาเดทาเท่านั้น การเพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นทุนการผลิตด้านโลจิสติกส์ด้วยแบบจำลองทางคณิตศาสตร์ของอุตสาหกรรมผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ กรณีศึกษา บริษัท พี อี เทคนิค จำกัด จังหวัดพิษณุโลก(มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม, 2563) ธณิดา โขนงนุช; อลงกรณ์ เมืองไหว; ธัชชัย เทพกรณ์งานวิจัยนี้ได้เสนอการลดต้นทุนการผลิตด้านโลจิสติกส์ด้านการผลิต ซึ่งจะพิจารณาการจัดตารางการผลิตโดยคำนึงถึงข้อจำกัดของทรัพยากร (Finite Capacity Scheduling System: FCS System) สำหรับการทำงานประกอบที่เป็นระบบการผลิตแบบต่อเนื่องกันและมีกำหนดส่งวันเดียวกัน ซึ่งการจัดตารางการผลิตนี้จะประกอบไปด้วย 2 ขั้นตอนหลักๆ คือ 1) การจัดลำดับของ Jobs จะพิจารณาจากลำดับชั้นของการจัดลำดับงาน (Hierarchical Dispatching Rule) 2) ใช้การโปรแกรมเชิงเส้น (linear Programming) เพื่อพิจารณาเวลาเริ่มผลิตที่เหมาะสมที่สุด ที่ทำให้ต้นทุนรวมน้อยที่สุด โดยต้นทุนรวมประกอบด้วยต้นทุนการส่งสินค้าช้ากว่ากำหนด ต้นทุนการเก็บรักษาสินค้า และต้นทุนการปรับเปลี่ยนเครื่องจักร ซึ่งจากการใช้ข้อมูลของบริษัทกรณีศึกษา พบว่าการจัดลำดับของ Jobs โดยพิจารณาจากลำดับชั้นของการจัดลำดับงาน และการใช้การโปรแกรมเชิงเส้นพิจารณาเวลาเริ่มผลิตที่เหมาะสมที่สุดนั้นส่งผลต่อประสิทธิภาพของการจัดตารางการผลิต นอกจากนี้ผู้วิจัยยังได้ใช้วิธีการค้นหาเฉพาะที่ (local Search Methodology) มาทดสอบประสิทธิภาพของการจัดลำดับการผลิตว่าจะสามารถปรับปรุงให้ดีขึ้นได้หรือไม่ ซึ่งพบว่าไม่สามารถปรับปรุงประสิทธิภาพของการจัดลำดับการผลิตได้ การจัดลำดับที่ดีที่สุดยังคงเป็นการใช้ EDD rule, การจัด Family Sequencing แบบ Level 3-2-1 และ Time Sequencing แบบ LPT Rule