เรียกดูข้อมูลตาม ชื่อผู้แต่ง "อดุลย์ วังศรีคูณ"
กำลังแสดง1 - 4 of 4
- Results Per Page
- ตัวเลือกการเรียงลำดับ
รายการ เมทาเดทาเท่านั้น การศึกษาปัญหาและแนวทางการดำเนินงานประกันคุณภาพภายในสถานศึกษาสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา พิษณุโลก เขต 1(มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม, 2565) อุไรทิพย์ ชาวนา; อดุลย์ วังศรีคูณการวิจัยครั้งนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อศึกษาปัญหาการดำเนินงาน และแนวทางการพัฒนาการประกันคุณภาพการศึกษาภายในสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาพิษณุโลก เขต 1 แบ่ง ออกเป็น 2 ขั้นตอน ได้แก่ ขั้นตอนที่ 1 การศึกษาปัญหาการดำเนินงานการประกันคุณภาพภายในสถานศึกษากลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ โรงเรียน สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาพิษณุโลก เขต 1 จำนวน 92 โรงเรียน ประกอบด้วย ผู้บริหารสถานศึกษา ครูผู้รับผิดชอบงานประกันคุณภาพภายใน รวมทั้งสิ้น 276 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยได้แก่ แบบสอบถาม สถิติที่ใช้ ได้แก่ ค่าเฉลี่ย (x̄) และค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) ขั้นตอนที่ 2 การศึกษาแนวทางการดำเนินงานการประกันคุณภาพภายในสถานศึกษา กลุ่มผู้ให้ข้อมูลประกอบด้วยผู้บริหารสถานศึกษา จำนวน 4 คน ศึกษานิเทศก์ จำนวน 3 คน ครูผู้รับผิดชอบงานประกันคุณภาพภายใน จำนวน 3 คน รวมทั้งสิ้น 10 คน ได้มาโดยวิธีการเลือกแบบเจาะจง (Purposive Selection) เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ แบบสัมภาษณ์ที่มีโครงสร้างเกี่ยวกับแนวทางการดำเนินงานการประกันคุณภาพภายในสถานศึกษาสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาพิษณุโลก เขต 1 วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้การวิเคราะห์เนื้อหา(Content Analysis) ผลการวิจัย พบว่า 1. ปัญหาการดำเนินงานการประกันคุณภาพภายในสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาพิษณุโลก เขต 1 ในภาพรวมมีปัญหาอยู่ในระดับมาก ด้านที่มีปัญหาสูงสุด คือ ด้านการดำเนินงานตามแผนพัฒนาการจัดการศึกษาของสถานศึกษา ด้านที่มีปัญหาต่ำสุด คือ ด้านการจัดระบบบริหารและสารสนเทศ 2. แนวทางการดำเนินงานการประกันคุณภาพภายในสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาพิษณุโลก เขต 1 ควรมีการแต่งตั้งคณะกรรมการกำหนดมาตรฐานการศึกษา มีการตรวจสอบ ทบทวนความสอดคล้องของมาตรฐานการศึกษาและทำประชาพิจารณ์ความเหมาะสมของมาตรฐานการศึกษา มีการร่วมจัดทำแผนพัฒนาการจัดการศึกษา มีการส่งเสริม และสร้างแรงจูงใจ ให้กับครูในการเข้ารับการอบรมพัฒนาความสามารถด้าน เทคโนโลยีสารสนเทศอย่างต่อเนื่องเป็นระบบ ควรจัดประชุม ชี้แจง สร้างความตระหนัก และอบรมให้ความรู้เกี่ยวกับองค์ประกอบ รายละเอียดวิธีการจัดทำแผนพัฒนาการจัดการศึกษาของสถานศึกษา ควรร่วมกันวางแผนระหว่างคณะกรรมการ และบุคลากรในสถานศึกษาเพื่อกำหนดเป้าหมาย ระยะเวลาการติดตามตรวจสอบคุณภาพการศึกษา ควรกำหนดกรอบแนวทางการประเมินให้ชัดเจน และครอบคลุมโดยใช้วิธีการและเครื่องมือการประเมินที่มีความหลากหลาย ควรเขียนรายงานจากข้อมูลสารสนเทศที่รวบรวมจากผลการดำเนินงาน และส่งให้ผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบ และนำเสนอผลการประเมินให้รับทราบร่วมกันและควรมีการวางแผนการนิเทศติดตามกำกับอย่างเป็นระบบรายการ เมทาเดทาเท่านั้น การศึกษาสภาพและแนวทางการพัฒนาภาวะผู้นำเชิงกลยุทธ์ของผู้บริหารสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาพิษณุโลก เขต 2(มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม, 2565) สันติภาพ ปรากฎวงศ์; อดุลย์ วังศรีคูณการวิจัยครั้งนี้มีจุดมุ่งหมาย เพื่อศึกษาสภาพและแนวทางการพัฒนาภาวะผู้นำเชิงกลยุทธ์ของผู้บริหารสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาพิษณุโลก เขต 2 ประชากร คือ โรงเรียนในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาพิษณุโลก เขต 2 จำนวน 127 แห่ง กลุ่มตัวอย่าง ประกอบด้วย โรงเรียนในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาพิษณุโลก เขต 2 จำนวน 97 แห่ง กลุ่มผู้ให้ข้อมูลโรงเรียนละ 2 คน ได้แก่ ผู้บริหารสถานศึกษา และ ครู รวมทั้งสิ้น 194 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยได้แก่ แบบสอบถามมาตราส่วนประมาณค่า 5 ระดับ สถิติที่ใช้วิเคราะห์ข้อมูลได้แก่ ค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการวิเคราะห์เนื้อหาจากการสัมภาษณ์ ผลการวิจัยพบว่า 1. สภาพภาวะผู้นำเชิงกลยุทธ์ภาวะผู้นำเชิงกลยุทธ์ของผู้บริหารสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาพิษณุโลก เขต 2 ในภาพรวมมีระดับการปฏิบัติมาก 2. แนวทางการพัฒนาภาวะผู้นำเชิงกลยุทธ์ของผู้บริหารสถานศึกษา สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาพิษณุโลก เขต 2 พบว่าผู้บริหารสถานศึกษาควรดำเนินการดังนี้ 1) ภาพรวม ควรมีการสนับสนุนและส่งเสริมการอบรม สร้างแรงจูงใจในการปฏิบัติงานติดตามและประเมินผลอย่างเป็นระบบ 2) ด้านความคิดความเข้าใจในระดับสูง ควรอบรมผู้บริหารสถานศึกษาในเขตพื้นที่เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจปรึกษาหารือกับผู้เกี่ยวข้องหลาย ๆ ฝ่ายเกี่ยวกับสารสนเทศที่จำเป็น 3) ด้านความสามารถในการนำปัจจัยนำเข้าต่าง ๆ มากำหนดกลยุทธ์ ควรมีการวางแผนบริหารจัดการและจัดลำดับความสำคัญของการทำงานโดยอาศัยการเรียนรู้จากสิ่งที่ผิดพลาดในปีที่ผ่านมา 4) ด้านความคาดหวังและสร้างโอกาสสำหรับอนาคต ควรเป็นนักวางแผนปรับและประยุกต์วิเคราะห์ กำหนดวิสัยทัศน์และกลยุทธ์ให้แก่องค์กรและนำเอากลยุทธ์ไปสู่การปฏิบัติให้บรรลุเป้าหมาย 5) ด้านวิธีการคิดเชิงปฏิวัติ ควรมีการนำเทคโนโลยีและดิจิทัลมาปรับใช้ในสถานศึกษาเพิ่มมากขึ้นบูรณาการและสามารถเชื่อมโยงสิ่งต่าง ๆ ให้เกิดประโยชน์สูงสุด 6) ด้านการกำหนดวิสัยทัศน์ ควรประชุมรับฟัง ความคิดเห็นของคณะครูเปิดโอกาสและขอความคิดเห็นยอมรับให้ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องที่มีส่วนร่วมในการกำหนดวิสัยทัศน์ของสถานศึกษารายการ เมทาเดทาเท่านั้น การเปรียบเทียบการจัดการความรู้ของผู้บริหารสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา ประถมศึกษาสุโขทัยเขต 1(มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม, 2565) นริศรา ประศาสตร์ศิลป์; อดุลย์ วังศรีคูณการวิจัยนี้มีจุดมุ่งหมาย เพื่อศึกษาและเปรียบเทียบการจัดการความรู้ของผู้บริหารสถานศึกษาสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสุโขทัยเขต 1 จำแนกตามประสบการณ์ทำงาน วุฒิการศึกษา และขนาดของสถานศึกษา กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยได้แก่ สถานศึกษาสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสุโขทัยเขต 1 จำ นวน 97 แห่ง โดยผู้ให้ข้อมูลประกอบด้วย ผู้บริหารสถานศึกษา จำนวน 97 คน และ ครูผู้สอน จำนวน 97 คน รวมจำนวน 194 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยคือ แบบสอบถาม ได้แก่ แบบสอบถามที่มีลักษณะมาตราส่วนประมาณค่า 5 ระดับ สถิตที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ ค่าเฉลี่ย ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการวิเคราะห์ความแปรปรวนทางเดียว ผลการวิจัยพบว่า 1. การจัดการความรู้ของผู้บริหารสถานศึกษาสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสุโขทัยเขต 1 ในภาพรวมอยู่ในระดับมาก เมื่อพิจารณาเป็นรายด้านพบว่าด้านที่มีค่าเฉลี่ยสูงสุดคือ ด้านการแสวงหาความรู้และด้านที่มีค่าเฉลี่ยต่ำสุดคือ ด้านการจัดเก็บความรู้ 2. การเปรียบเทียบการจัดการความรู้ของผู้บริหารสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา สุโขทัย เขต 1 2.1 การเปรียบเทียบการจัดการความรู้ของผู้บริหารสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา สุโขทัย เขต 1 ตามประสบการณ์ทำงาน พบว่า โดยรวมแตกต่างกัน ซึ่งเมื่อพิจารณารายด้าน พบว่า ด้านการกำหนดความรู้ และการสร้างความรู้แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 2.2 การเปรียบเทียบการจัดการความรู้ของผู้บริหารสถานศึกษาสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา สุโขทัย เขต 1 ตามวุฒิการศึกษา พบว่า โดยรวมไม่แตกต่างกัน ซึ่งเมื่อพิจารณารายด้าน พบว่า ด้านการกำหนดความรู้ แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 2.3 การเปรียบเทียบการจัดการความรู้ของผู้บริหารสถานศึกษาสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา สุโขทัย เขต 1 ตามขนาดของสถานศึกษา พบว่า โดยรวมไม่แตกต่างกัน ซึ่งเมื่อพิจารณารายด้าน พบว่า ด้านการสร้างความรู้ แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05รายการ การเข้าถึงแบบเปิด ปัจจัยที่ส่งผลต่อความสำเร็จในการบริหารโรงเรียนแกนนำการเรียนร่วมดีเด่นภาคเหนือตอนล่าง ปีการศึกษา 2548(มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม, 2549) อารีย์ เพลินชัยวาณิช; ศิริวิมล ใจงาม; อดุลย์ วังศรีคูณในการวิจัยครั้งนี้จุกมุ่งหมายเพื่อศึกษาสภาพปัจจัยในการบริหารโรงเรียนแกนนำจัดการเรียนร่วมดีเด่นของภาคเหนือตอนล่าง ปีการศึกษา 2548 ศึกษาสภาพความสำเร็จในการบริหารโรงเรียนแกนนำจัดการเรียนร่วมดีเด่น และศึกษาปัจจัยที่ส่งผลต่อความสำเร็จในการบริหารโรงเรียนแกนนำการเรียนร่วมดีเด่น โดยกลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยได้แก่ ผู้บริหาร ครูและผู้ปกครอง ในโรงเรียนแกนนำจัดการเรียนร่วมดีเด่นของภาคเหนือตอนล่าง ปีการศึกษา 2548 จำนวน 19 โรงเรียน รวม 373 คนโดยการสุ่มแบบหลายขั้นตอน เครื่องมือที่ใช้เป็นแบบสอบถามชนิดมาตราส่วนประมาณค่า (Rating Scale) 5 ระดับ และวิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้ค่าความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานและการถดถอยพหุคูณ ผลการวิจับพบว่า สภาพปัจจัยในการบริหารโรงเรียนแกนนำจัดการเรียนร่วมดีเด่นของภาคเหนือตอนล่าง ปีการศึกษา 2548 ทั้ง 4 ด้าน คือ ด้านพฤติกรรมหรือคุณลักษณะที่ดีและจำเป็นของผู้บริหาร ด้านคุณลักษณะที่จำเป็นของครู ด้านการจัดหรือใช้สิ่งอำนวยความสะดวก สื่อ บริการและความช่วยเหลือ อื่นใดทางการศึกษา และด้านการบริหารแบบมีส่วนร่วมโดยใช้โครงสร้างซีท(SEAT) ทั้งในภาพรวมและรายด้านอยู่ในระดับมาก สภาพความสำเร็จในการบริหารโรงเรียนแกนนำจัดการเรียนดีเด่นในภาพรวมอยู่ในระดับมาก และเมื่อแยกเป็นรายด้าน คือ ด้านความพึงพอใจที่มีต่อสภาพการจัดการเรียนร่วมและความก้าวหน้าของเด็กที่มีความต้องการพิเศษอยู่ในระดับมากเช่นเดียวกัน ปัจจัยที่ส่งผลต่อความสำเร็จในการบริหารในโรงเรียนแกนนำจัดการเรียนร่วมดีเด่นในภาพรวมคือ ด้านการบริหารแบบมีส่วนร่วมโดยใช้โครงสร้างซีท(SEAT) และด้านคุณลักษณะที่จำเป็นของครู(TEACHER) ได้สมการถดถอยพหุคูณเชิงเส้นตรง ดังนี้ ถ้า ŷ และ Zหมายถึง ความสำเร็จในการบริหารโรงเรียนแกนนำจัดการเรียนร่วมดีเด่นในภาพรวม ที่ได้จากการพยากรณ์ในรูปคะแนนดิบ และรูปคะแนนมาตรฐาน ตามลำดับ จะได้สมการคือ ŷ = 0.87+0.45 SEAT+0.33 TEACHER Z = 0.51Z SEAT + 0.35 Z TEACHER