เรียกดูข้อมูลตาม ชื่อผู้แต่ง/ผู้สร้างสรรค์ผลงาน "สกล เกิดผล"
กำลังแสดง1 - 4 of 4
- Results Per Page
- ตัวเลือกการเรียงลำดับ
รายการ เมทาเดทาเท่านั้น การจัดการเรียนรู้โดยใช้กระบวนการเรียนรู้ตามรูปแบบการสอน CIRC เพื่อส่งเสริมความสามารถในการอ่านสะกดคำไม่ตรงตามมาตราตัวสะกด ชั้นประถมศึกษาปี ที่ 2(มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม, 2565) วันทนา เพ็ชรผึ้ง; สกล เกิดผลการวิจัยครั้งนี้มีจุดมุ่งหมาย 1) เพื่อสร้างและหาประสิทธิภาพของการจัดการเรียนรู้โดยใช้กระบวนการเรียนรู้ตามรูปแบบการสอน CIRC เพื่อส่งเสริมความสามารถในการอ่านสะกดคำไม่ตรงตามมาตราตัวสะกดชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 ตามเ กณฑ์ 80/80 2) เพื่อเปรียบเทียบความสามารถในการอ่านสะกดคำก่อนเรียนและหลังเรียนเรื่องการอ่านสะกดคำไม่ตรงตามมาตราตัวสะกด ชั้นประถมศึกษาปี ที่ 2 กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยได้แก่ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2/1 โรงเรียนเทศบาลวัดไทยชุมพล (ดำรงประชาสรรค์) ในภาคเรียนที่ 1 ปี การศึกษา 2564 จำนวน 39 คน ซึ่งได้มาโดยวิธีการเลือกแบบเจาะจง (Purposive Sampling) เครื่องมือที่ใช้ 1) แผนการจัดการเรียนรู้โดยใช้กระบวนการเรียนรู้ตามรูปแบบการสอน CIRC เพื่อส่งเสริมความสามารถในการอ่านสะกดคำไม่ตรงตามมาตราตัวสะกด ชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 2) แบบวัดความสามารถในการสะกดคำ เรื่องการอ่านสะกดคำไม่ตรงตามมาตราตัวสะกด ชั้นประถมศึกษาปี ที่ 2 สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลคือร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ผลการวิจัยพบว่า 1. ผลการวิเคราะห์หาประสิทธิภาพของการจัดการเรียนรู้โดยใช้กระบวนการเรียนรู้ตามรูปแบบการสอน CIRC เพื่อส่งเสริมความสามารถในการอ่านสะกดคำไม่ตรงตามมาตราตัวสะกด ชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 พบว่ามีค่าประสิทธิภาพ E1/E2 เท่ากับ 80.83/80.88 2. ผลการวิเคราะห์เปรียบเทียบคะแนนความสามารถในการอ่านสะกดคำ ก่อนเรียนและหลังเรียน พบว่า นักเรียนที่เรียนโดยใช้กระบวนการจัดการเรียนรู้ตามรูปแบบการสอน CIRC เพื่อส่งเสริมความสามารถในการอ่านสะกดคำไม่ตรงตามมาตราตัวสะกด ชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 มีค่าเฉลี่ยของคะแนนความสามารถในการอ่านสะกดคำหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญ ทางสถิติที่ระดับ .05รายการ การเข้าถึงแบบเปิด การพัฒนาทักษะการเขียนโดยใช้แบบฝึกทักษะเขียนตามคำบอกสำหรับนักเรียนระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนบ้านปากยาง อำเภอวังทอง จังหวัดพิษณุโลก(มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม, 2560) พิมพ์รัตน์ จักรบุตร; สกล เกิดผล; วีระพงษ์ อินทร์ทองการวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างและหาประสิทธิภาพของแบบฝึกทักษะเขียนตามคำบอก เพื่อเปรียบเทียบทักษะการเขียนของนักเรียนก่อนและหลังใช้แบบฝึกทักษะ และเพื่อประเมินความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อแบบฝึกทักษะเขียนตามคำบอก กลุ่มตัวอย่างคือนักเรียนระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนบ้านปากยาง อำเภอวังทอง จังหวัดพิษณุโลก จำนวน 14 คน เลือกโดยวิธีการสุ่มตัวอย่างแบบกลุ่ม เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ประกอบด้วย แผนการจัดการเรียนรู้โดยใช้แบบฝึกทักษะเขียนตามคำบอก แบบฝึกทักษะเขียนตามคำบอก แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนภาษาอังกฤษ และแบบสอบถามความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อแบบฝึกทักษะเขียนตามคำบอก สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ค่าประสิทธิภาพ E1/E2 และการทดสอบค่าที ผลการวิจัยพบว่า แบบฝึกทักษะการเขียนตามคำบอก สำหรับนักเรียนระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนบ้านปากยาง อำเภอวังทอง จังหวัดพิษณุโลก มีประสิทธิภาพเท่ากับ 76.60/77.71 หลังจากได้รับการเรียนรู้โดยใช้แบบฝึกทักษะเขียนตามคำบอก นักเรียนมีทักษะการเขียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 และนักเรียนมีความพึงพอใจต่อแบบฝึกทักษะเขียนตามคำบอกโดยรวมอยู่ในระดับมากรายการ เมทาเดทาเท่านั้น การพัฒนาแบบฝึกการอ่านภาษาอังกฤษเพื่อความเข้าใจโดยใช้นิทานอีสปเป็นฐานสำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2(มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม, 2566) พรพิมล ญาณปัญญา; สกล เกิดผลการวิจัยครั้งนี้มีจุดมุ่งหมาย 1)เพื่อสร้างและหาคุณภาพของแบบฝึกการอ่านภาษาอังกฤษเพื่อความเข้าใจโดยใช้นิทานอีสปเป็นฐาน สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 2)เพื่อเปรียบเทียบความสามารถในการอ่านภาษาอังกฤษเพื่อความเข้าใจโดยใช้แบบฝึกการอ่านภาษาอังกฤษเพื่อความเข้าใจโดยใช้นิทานอีสปเป็นฐาน สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 หลังเรียนตามเกณฑ์ร้อยละ 75 3) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 ที่มีต่อการเรียนโดยใช้แบบฝึกการอ่านภาษาอังกฤษเพื่อความเข้าใจโดยใช้นิทานอีสปเป็นฐานสำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 กลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2/1 โรงเรียนเทศบาล 3 วัดชัยชนะสงคราม จำนวน 30 คน โดยได้มาจากการสุ่มอย่างง่ายโดยใช้ห้องเรียนเป็นหน่วยในการสุ่ม เครื่องมือที่ใช้ในการทดลอง ได้แก่ แบบฝึกการอ่านภาษาอังกฤษเพื่อความเข้าใจโดยใช้นิทานอีสปเป็นฐาน จำนวน 8 เรื่อง แบบวัดความสามารถการอ่านภาษาอังกฤษเพื่อความเข้าใจ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล คือ ค่าเฉลี่ย ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน และสถิติการทดสอบค่าที (t-test แบบ One –sample) ผลการวิจัยพบว่า 1) แบบฝึกการอ่านภาษาอังกฤษเพื่อความเข้าใจโดยใช้นิทานอีสปเป็นฐาน สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 มีคุณภาพอยู่ในระดับมากที่สุด (x̄ = 4.76) 2)ความสามารถทางการอ่านภาษาอังกฤษเพื่อความเข้าใจภายหลังการเรียนตามเกณฑ์ร้อยละ 75 อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 และ 3)นักเรียนมีความพึงพอใจอยู่ในระดับมาก ( x̄= 3.98)รายการ การเข้าถึงแบบเปิด การศึกษาความสามารถด้านทักษะการพูดภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสารของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 โดยใช้กิจกรรมการละคร(มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม, 2558) ปรีศนา เอี่ยมสะอาด; สกล เกิดผลการวิจัยครั้งนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อเปรียบเทียบความสามารถด้านทักษะการพูดภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสารก่อนและหลังการเรียนโดยใช้กิจกรรมการละครและศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ที่มีต่อการเรียนวิชาภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสาร 2 โดยใช้กิจกรรมการละคร กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้คือนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 กลุ่มภาษา-สังคม เน้นภาษาอังกฤษ โรงเรียนทุ่งเสลี่ยมชมูปถัมภ์ อำเภอทุ่งเสลี่ยม จังหวัดสุโขทัย ที่เรียนวิชาภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสาร 2 ในภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2555 โดยวิธีการสุ่มอย่างง่าย (Simple Random Sampling) ด้วยการจับฉลากเลือกห้องเรียน 1 ห้องเรียน มีนักเรียน 26 คน ระยะเวลาดำเนินการวิจัย 7 สัปดาห์ จำนวน 21 ชั่วโมง เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ประกอบด้วย 1)แผนการจัดการเรียนรู้โดยใช้กิจกรรมการละคร 2)แบบทดสอบวัดความสามารถด้านทักษะการพูดภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสาร จำนวน 2 ฉบับ ฉบับที่ 1 แบบทดสอบวัดความสามารถด้านทักษะการพูดภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสาร (ภาคทฤษฎี) ฉบับที่ 2 แบบทดสอบวัดความสามารถด้านทักษะการพูดภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสาร (ภาคปฏิบัติ) 3)แบบสอบถามวัดความพึงพอใจของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ที่มีต่อการเรียนวิชาภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสาร 2 โดยใช้กิจกรรมการละครการวิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้ค่าเฉลี่ย (X) และค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) และสถิติการทดสอบค่าที (t-test dependent) ผลการวิจัยพบว่า 1.ความสามารถด้านทักษะการพูดภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสารของนักเรียนหลังเรียนโดยใช้กิจกรรมการละครสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 2.ความพึงพอใจของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ที่เรียนวิชาภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสาร 2 โดยใช้กิจกรรมการละครอยู่ในระดับมากที่สุด
