มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม
Permanent URI for this communityhttps://psruir.psru.ac.th/handle/123456789/128
ค้นหา
1 ผลลัพธ์
ผลการค้นหา
รายการ เมทาเดทาเท่านั้น การศึกษาประสิทธิภาพและการสร้างมาตรการบังคับใช้ พระราชบัญญัติควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ. 2551 ศึกษากรณีพื้นที่รอบ มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม (ส่วนทะเลแก้ว)(มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม, 2564) ภูวเดช วงศ์เคี่ยม; ธีรวุฒิ ทองทับ; นฤมล พุ่มเมืองงานวิจัยนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาประสิทธิภาพการบังคับใช้พระราชบัญญัติควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ บริเวณรอบมหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม (ส่วนทะเลแก้ว) และเพื่อสร้างมาตรการในการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ การวิจัยนี้ เป็นการวิจัยแบบผสมผสาน (Mixed methodology) เป็นการสัมภาษณ์เชิงลึกจากกลุ่มตัวอย่างตัวแทนนักศึกษา ร้านค้า สถานบริการประชาชน 10 คนและแบบสอบถามจากกลุ่มตัวอย่างนักศึกษา 398 คน และประชาชน 476 คน เกี่ยวกับการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในพื้นที่ เพื่อทำให้เกิดประสิทธิภาพในการบังคับใช้กฎหมายดังกล่าว จากการสัมภาษณ์เชิงลึก ผลการวิจัยพบว่า ตัวแทนนักศึกษา ร้านค้า ผู้ประกอบการและประชาชนมีการรับรู้มาตรการการบังคับใช้ฎหมายพระราชบัญญัติควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ. 2551 การควบคุมวันและเวลาในการขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มากที่สุด ส่วนการควบคุมฉลากและบรรจุภัณฑ์ของเครื่องดื่มแอลกอฮอล์น้อยที่สุด ส่วนของพนักงานเจ้าหน้าที่ผู้บังคับใช้กฎหมาย พบว่า มักใช้ 3 มาตรการหลักในการดำเนินการในพื้นที่ คือ การควบคุมผู้ซื้อเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ (ห้ามขายให้ผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 20 ปี ) การควบคุมวิธีการขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ (การขายแบบส่งเสริมการตลาด เช่น ขายลดแลก แจกแถม) และการควบคุมการโฆษณาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ มีอยู่ 2 ลักษณะคือ 1) เป็นการที่จะลดราคาเครื่องดื่มในร้าน และ2 ) การนำภาพการจัดกิจกรรมไปโพสต์ในสื่อออนไลน์ อันเข้าลักษณะความผิดตามมาตรา 32 กลุ่มตัวอย่างของนักศึกษากรณี ความคิดเห็นเกี่ยวกับการรับรู้ถึงพระราชบัญญัติเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ. 2551 ผลการวิจัยพบว่า ภาพรวมอยู่ในระดับพอใช้โดยมีค่าเฉลี่ยร้อยละ 57.95 เมื่อพิจารณาแต่ละมาตรการพบว่า การควบคุมบุคคลผู้ซื้อเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ คือ ห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แก่บุคคลซึ่งมีอายุต่ำกว่า 20 ปี บริบูรณ์หรือบุคคลที่มีอาการมีนเมาจนครองสติไม่ได้ (มาตรา 29) ซึ่ งมาตรการนี้ ควรประชาสัมพันธ์ให้แก่ผู้ประกอบการให้มากขึ้น ส่วนกลุ่มมหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม ตัวอย่างจากประชาชน ผลการวิจัยพบว่า ภาพรวมอยู่ในระดับปานกลาง ร้อยละ 62.95 เมื่อพิจารณาแต่ละมาตรการพบว่า การควบคุมบุคคลผู้ซื้อเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ นักศึกษาและประชาชนส่วนใหญ่เข้าใจมาตรการดังกล่าวนี้เป็นอย่างดี ส่วนการควบคุมวิธีการขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์กรณีการจำหน่ายเหล้าแถมเบียร์ และการควบคุมการโฆษณาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์นักศึกษาและประชาชนรับรู้ได้ค่อนข้างน้อย คณะผู้วิจัยสนอแนวทางแก้ไขปัญหาสรุปได้ คือ ประการแรกควรมีคำเตือนเป็นรูปภาพประกอบหรือผลกระทบจากการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ตามองค์การอนามัยโลก รวมถึงการสร้างแผนในการให้ความรู้ตั้งแต่ระดับเยาวชน ประการที่สองควรนำมาตรการทางกฎหมายของประเทศสวีเดนที่มีระบบที่ควบคุมโดยรัฐมีข้อกำหนดที่เข้มงวดสำหรับผู้ที่จะซื้อและผู้ขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ มีการผูกขาดร้านค้าของรัฐ นอกจากนี้ ควรทำความเข้าใจให้นักศึกษาและประชาชนรับรู้ว่าห้ามจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ให้แก่ผู้ซื้อที่มีอายุต่ำกว่า 20 ปี บริบูรณ์อย่างเด็ดขาด และสร้างความร่วมมือแก่ผู้ประกอบการในพื้นที่ ประการที่สามควรมีการประชาสัมพันธ์ และประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้นักศึกษาและประชาชนรับรู้ วัน ช่วงเวลาที่ขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ รวมทั้งการห้ามขายในวันสำคัญทางพุทธศาสนาและวันเลือกตั้ง ประการที่สี่ ควรนำมาตรการกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการควบคุมการโฆษณาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ของประเทศฝรั่งเศส เช่น การห้ามโฆษณาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อย่างเข้มงวดโดยมีรายละเอียดที่ห้ามมิให้โฆษณาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ผ่านสื่อ อินเทอร์เน็ต โดยเฉพาะคือ ส่วนประเทศนอร์เวย์กำหนดห้ามโฆษณาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์โดยการเป็นผู้สนับสนุนกีฬา ทีมกีฬา เสื้อผ้านักกีฬา ป้ายโฆษณา และกิจกรรมอื่นๆ ประการสุดท้ายควรมีการรณรงค์ให้รับรู้ถึงกฎหมายควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แก่ผู้ประกอบการโดยพนักงานเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ต้องบังคับใช้กฎหมายอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพตามเจตนารมณ์กฎหมาย ตลอดจนการดำเนินการออกตรวจ และประสานหน่วยงานที่ออกตรวจร่วมกัน