มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม
Permanent URI for this communityhttps://psruir.psru.ac.th/handle/123456789/128
ค้นหา
26 ผลลัพธ์
ผลการค้นหา
รายการ การเข้าถึงแบบเปิด การพัฒนาวิธีการติดตามประเมินผลโครงการบริการวิชาการของ คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม(มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม, 2560) มาลินี เห็มลารายการ การเข้าถึงแบบเปิด ฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระและฤทธิ์ยับยั้งเอนไซม์อะซิติลโคลีนเอสเทอเรสของสารสกัดจากยอบ้านเพื่อป้องกันโรคอัลไซเมอร์(มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม, 2562) ภรภัทร ลำอางค์; ดามรัศมน สุรางกูร; อนงค์ ศรีโสภารายการ การเข้าถึงแบบเปิด การวิเคราะห์ข้อมูลการให้บริการเครื่องมือวิทยาศาสตร์ คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม(มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม, 2559) วันเพ็ญ ตรงต่อกิจรายการ การเข้าถึงแบบเปิด การวิจัยเพื่อพัฒนาชุดการเรียนการสอนวิชาปฏิบัติการเคมีอินทรีย์ 2(มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม, 2550) กุลยา จันทร์อรุณการวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างชุดการพัฒนาการเรียนการสอนวิชาปฏิบัติการเคมีอินทรีย์ 2 ที่เน้นการเรียนการสอนแบบปฏิบัติการ (Laboratory approach) และทักษะกระทวนการทางวิทยาศาสตร์โยได้ทำการสร้างบทเรียนสำเร็จรูป 5 ชุดเนื้อหาของชุดการเรียนการสอนสอดคล้องกับหลักสูตรมหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม พุทธศักราช 2550 โดยเน้นเนื้อหาส่วนหนึ่งในรายวิชาปฏิบัติการเคมีอินทรีย์ 2 และได้นำชุดการสอนนี้ทดลองใช้กับนักศึกษากลุ่มตัวอย่างในมหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม 40 คน เพื่อทดสอบประสิทธิภาพชองชุดการเรียนการสอนทั้ง 3ด้าน คือ ทางด้านเจตคติ ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักศึกษา และประสิทธิภาพของชุดบทเรียนสำเร็จรูป เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย คือ ชุดการเรียนการสอน แบบสอบถามวัดเจตคติ และแบบประเมินตนเองก่อนและหลังการใช้บทเรียนสำเร็จรูป การวิเคราะห์ข้อมูลใชโปรแกรมสำเร็จรูป SPSS for Window ผลการวิจัยพบว่า นักศึกษษมีเจตคติที่ดีต่อบทเรียนสำเร็จรูปทุก ๆ ด้านอยู่ในระดับดี (3.5-4.19) เช่นด้านวัตถุประสงค์ เนื้อหากระชับ และชัดเจน ทำให้เกิดการเรียนรู้อย่างใช้เหตุผลและความคิด การได้ใช้เครื่องมือ และได้ทำการทดลองด้วนตนเองทุกขั้นตอน ผลการวิเคราะห์ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักศึกษา พบว่า ผลสัมฤทธิ์ของนักศึกษาก่อนและหลังการใช้บทเรียนสำเร็จรูปทุกชุดมีความแตกต่างกัน โดยหลังการใช้บทเรียนสำเร็จรูปนักศึกษามีการเยนรู้ที่สูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 สำหรับประสิทธิภาพของบทเรียนสำเร็จรูปแต่ละชุดอยู่ในเกณฑ์ที่กำหนดE1 : E2 = 75 : 75 โดยมีค่าเบี่ยงเบนได้±5% เมื่อ E1 เป็นคะแนนเฉลี่ยร้อยละ 75 ของคะแนนจากรายงานผลการศึกษาบทเรียน E2 เป็นคะแนนเฉลี่ยร้อยละ 75 ของคะแนนจากแบบประเมินตนเองเมื่อสิ้นสุดการดำเนินกิจกรรมในบทเรียนสำเร็จรูปแต่ละชุดรายการ การเข้าถึงแบบเปิด เทคนิคการตัดเย็บเสื้อและกระโปรง(มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม, 2534) อำนวยพร สุนทรสมัยรายการ การเข้าถึงแบบเปิด การพัฒนาเครื่องดื่มน้ำสับปะรดสปาร์คกลิ้งที่มีสารต้านอนุมูลอิสระสูงจากไหมข้าวโพดสีแดง(มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม, 2562) มนตรา ศรีษะแย้ม; นนทพร รัตน์จักร; พิมรินทร์ ศิรินทร์; กาญจนา วงศ์กระจ่าง; อนงค์ ศรีโสภางานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาสภาวะที่เหมาะสมในการสกัดสารจากไหมข้าวโพดสีแดงเพื่อนำมาประยุกต์ใช้ในเครื่องดื่มน้ำสับปะรดสปาร์คกลิ้ง ศึกษาการยอมรับของผู้บริโภคและอายุการเก็บรักษา การสกัดสารใช้น้ำเป็นตัวทำละลาย การทดสอบหาสภาวะที่เหมาะสมในการสกัดแบ่งเป็น 9 สภาวะ ที่มีความแตกต่างทั้งอุณหภูมิและระยะเวลาในการสกัด โดยใช้อุณหภูมิในการสกัดที่ 60 70 และ 80 องศาเซลเซียส เป็นระยะเวลา 10 นาที 20 นาที และ 30 นาที นำตัวอย่างทดสอบฤทธิ์ในการต้านอนุมูลอิสระโดยวิธี DPPH radical scavenging assay พบว่า สภาวะการสกัดที่อุณหภูมิ 80 องศาเซลเซียส เป็นเวลา 10 นาที มีความสามารถในการยับยั้งอนุมูลอิสระสูงสุด เท่ากับ 62.10±0.72% และปริมาณแอนโทไซยานินทั้งหมดสูงสุด เท่ากับ 93.42±0.09 mg/ 100g ตัวอย่าง เมื่อนำสารสกัดไหมข้าวโพดสีแดงไปประยุกต์ในเครื่องดื่มน้ำสับปะรดสปาร์คกลิ้งซึ่งถูกพัฒนาขึ้น 3 สูตร และคัดเลือก 1 สูตร จากสูตรที่ได้รับการยอมรับจากผู้บริโภคสูงสุด โดยการทดสอบความพึงพอใจของอาสาสมัครด้วยแบบประเมินผลการทดสอบทางประสาทสัมผัสโดยวิธี 9 Point Hedonic Rating Scales และทำการศึกษาอายุการเก็บรักษาจากตัวชี้วัด ได้แก่ การตรวจความสามารถในการต้านอนุมูลอิสระและหาปริมาณแอนโทไซยานิน ทางด้านจุลินทรีย์ ได้แก่ จำนวนแบคทีเรียทั้งหมด ยีสต์รา และโคลิฟอร์มแบคทีเรีย และทางประสาทสัมผัส โดยเก็บรักษาผลิตภัณฑ์ที่อุณหภูมิ 4 องศาเซลเซียส เป็นระยะเวลา 2 สัปดาห์ ผลที่ได้พบว่า ผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มน้ำสับปะรดสปาร์คกลิ้งสามารถเก็บรักษาที่อุณหภูมิ 4 องศาเซลเซียส ได้ไม่น้อยกว่า 2 สัปดาห์ โดยมีการปนเปื้อนของจุลินทรีย์ทั้งหมดตามเกณฑ์มาตรฐาน ไม่พบยีสต์ราและโคลิฟอร์มแบคทีเรีย และผลทางประสาทสัมผัสพบว่า ค่าเฉลี่ยลักษณะที่ปรากฏ สี กลิ่น รสชาติ ความซ่า ความรู้สึกหลังกลิ่น และความชอบโดยรวมตั้งแต่วันที่ 0 จนถึงวันที่ 14 ไม่แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p≥0.05) นอกจากนี้พบว่าผลิตภัณฑ์ที่มีอายุการเก็บรักษา 2 สัปดาห์ ที่อุณหภูมิ 4 องศาเซลเซียส มีความสามารถด้านอนุมูลอิสระเท่ากับ 40.67±0.84% มีปริมาณแอนโทไซยานินทั้งหมดเท่ากับ 1,141.09±0.1 µg/250ml ตัวอย่างรายการ การเข้าถึงแบบเปิด ผลการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ที่มีต่อผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักศึกษาในรายวิชาชีวเคมีพื้นฐาน(มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม, 2559) รพิพรรณ จันทร์มะณีรายการ การเข้าถึงแบบเปิด การศึกษาเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนเรื่องสมุนไพรในชีวิตประจำวันของนักศึกษารายวิชาวิถีสุขภาพระหว่างการสอนแบบบรรยายกับการสอนบรรยายร่วมกับการอบรม(มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม, 2559) มนตรา ศรีษะแย้มรายการ การเข้าถึงแบบเปิด การศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนรู้วิชาฟิสิกส์ของคลื่นของนักศึกษาระดับปริญญาตรีชั้นปีที่ 2 โดยใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้(มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม, 2559) รัตน์ติพร สำอางค์รายการ การเข้าถึงแบบเปิด การวิเคราะห์การพัฒนาตนเองของบุคลากรคณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม(มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม, 2559) กัญญาวีร์ สมนึกการศึกษานี้ มีวัตถุประสงค์ เพื่อวิเคราะห์การพัฒนาตนเองของบุคลากรคณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม โดยวิเคราะห์ข้อมูลจากแบบบันทึกข้อมูลการพัฒนาตนเองของบุคลากร จากจำนวนบุคลากรคณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี จำนวน จำนวน 285 คน ผลการศึกษา พบว่า เมื่อเปรียบเทียบเงินงบประมาณที่ได้รับจัดสรร ระยะ 3 ปี ในแต่ละปีของบุคลากร สายวิชาการ มีเงินงบประมาณที่ได้รับจัดสรร ในระยะเวลา 3 ปี พบว่า มีการได้รับการจัดสรรเงินงบประมาณ มากที่สุด คือ สำนักงานคณบดี มีการได้รับการจัดสรรเงินงบประมาณ รองลงมา คือ สาขาวิชาเคมี และมีการได้รับการจัดสรรเงินงบประมาณ น้อยที่สุด คือ สาขาวิชาวิทยาศาสตร์สุขภาพ และเมื่อนำมาเปรียบเทียบกับจำนวนบุคลากรไปราชการของบุคลากรคณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ในระยะเวลา 3 ปี พบว่า มีจำนวนบุคลากรไปราชการ มากที่สุด คือ สำนักงานคณบดี มีจำนวนบุคลากรไปราชการ รองลงมา คือ สาขาวิชาเคมี และมีจำนวนบุคลากรไปราชการ น้อยที่สุด คือ สาขาวิชาวิทยาศาสตร์สุขภาพ ดังนั้น การสนับสนุนงบประมาณของคณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่นำไปใช้ ในการไปราชการ เพื่อพัฒนาตนเองของบุคลากรสายวิชาการ และสายสนับสนุน จึงเกิดประโยชน์ กับผู้ที่ไปพัฒนาตนเอง เพื่อนำความรู้ แนวคิด และแรงจูงใจ มาใช้ในการพัฒนาการเรียน การสอน และพัฒนาศักยภาพของคณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยราชภัฏ พิบูลสงคราม ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
- «
- 1 (current)
- 2
- 3
- »