มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม
Permanent URI for this communityhttps://psruir.psru.ac.th/handle/123456789/128
ค้นหา
13 ผลลัพธ์
ผลการค้นหา
รายการ การเข้าถึงแบบเปิด การบริหารและจัดการการท่องเที่ยวเชิงนิเวศเพื่อการท่องเที่ยวในอุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า(มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม, 2547) ชุลีรัตน์ จันทร์เชื้อการวิจัยเรื่อง การบริหารและการจัดการการท่องเที่ยวเชิงนิเวศของอุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้าเพื่อการท่องเที่ยวที่ยั่งยืน มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาการบริหารและการจัดการการท่องเที่ยวเชิงนิเวศของอุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้าและแบบสำรวจการบริหารและการจัดการการท่องเที่ยวเชิงนิเวศเพื่อนำไปเป็นแนวทางในการกำหนดมาตรฐานการบริหารและการจัดการเชิงนิเวศของอุทยานแห่งชาติและแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติอื่นๆ เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษาคือ แบบจำลองการบริหารและการจัดการแหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศโดยปรับแต่งเป็นแบบสำรวจเพื่อใช้เก็บข้อมูลภาคสนามและแบบสอบถามที่นำไปเก็บข้อมูลจากหัวหน้าอุทยานแห่งชาติภู่หินร่องกล้า บุคคลผู้ปฏิบัติงานในอุทยานฯ นักท่องเที่ยว ประชาชนชุมชนท้องถิ่น ผลการศึกษาพบว่า อุทยานแห่งชาติภู่หินร่องกล้ามีความสามารถในการบริหารและการจัดการการท่องเที่ยวเชิงนิเวศในระดับที่สูง มีเพียง 4 กิจกรรมเท่านั้นที่อุทยานฯยังไม่ได้ดำเนินการ ส่วนความสามารถในการบริหารและการจัดการเกี่ยวกับส่วนอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น บุคลากรในองค์กร, นักท่องเที่ยว และชุมชนท้องถิ่นในเขตอุทยาน อยู่ในระดับดีพอสมควรทำให้เชื่อมั่นได้ว่าแบบสำรวจและแบบสอบถามการบริหารและการจัดการท่องเที่ยวเชิงนิเวศจะสามารถเป็นแนวทางในการกำหนดมาตรฐานการบริหารและการจัดการการท่องเที่ยวเชิงนิเวศของอุทยานแห่งชาติและแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติได้รายการ เมทาเดทาเท่านั้น ปัจจัยเชิงกลยุทธ์ที่มีความสัมพันธ์กับความสำเร็จของผู้ประกอบการธุรกิจด้าน โรงแรมขนาดเล็ก ในเขตภาคเหนือตอนล่าง(มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม, 2563) สุธาสินี อรุณงานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อศึกษาลักษณะและการดำเนินธุรกิจโรงแรมขนาดเล็กในเขตภาคเหนือตอนล่าง 2) เพื่อศึกษาตัวแปรเชิงกลยุทธ์ของความสำเร็จของผู้ประกอบการธุรกิจโรงแรมขนาดเล็กในเขตภาคเหนือตอนล่าง และ 3) เพื่อวิเคราะห์ความสัมพันธ์ของปัจจัยเชิงกลยุทธ์ที่มีผลต่อความสำเร็จของผู้ประกอบการธุรกิจโรงแรมขนาดเล็กในเขตภาคเหนือตอนล่าง การวิจัยในครั้งนี้กลุ่มตัวอย่างเป็นผู้ประกอบการ เจ้าของกิจการ ผู้จัดการ หรือผู้รับผิดชอบของธุรกิจโรงแรมขนาดเล็กในเขตภาคเหนือตอนล่างจำนวน 75 แห่ง เป็นการวิจัยเชิงปริมาณโดยใช้แบบสอบถามเป็นเครื่องมือในการเก็บรวบรวมข้อมูล วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติ ได้แก่ ค่าความถี่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์เพียร์สัน ผลการศึกษาพบว่า 1) ลักษณะรูปแบบของโรงแรมขนาดเล็กในเขตภาคเหนือตอนล่าง จำนวนห้องพักส่วนใหญ่มี 31-40 ห้อง จำนวนพนักงานของโรงแรมส่วนใหญ่มี 16-20 คน ระยะเวลาในการดำเนินงานของกิจการมีระยะเวลา 16 ปี ขึ้นไป 2) ผู้ประกอบการมีความคิดเห็นเกี่ยวกับปัจจัยเชิงกลยุทธ์ของธุรกิจโรงแรมในภาพรวมทุกกลยุทธ์มีค่าคะแนนเฉลี่ยอยู่ในระดับมาก ซึ่งได้แก่ กลยุทธ์ด้านผลิตภัณฑ์ กลยุทธ์ด้านราคา กลยุทธ์ด้านทำเล กลยุทธ์ด้านการส่งเสริมการตลาด กลยุทธ์ด้านพนักงาน กลยุทธ์ด้านกระบวนการให้บริการ และกลยุทธ์ด้านกายภาพ 3) จำนวนห้องพักและจำนวนพนักงานของธุรกิจโรงแรมที่ต่างกันมีความสำเร็จในการประกอบธุรกิจแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 แต่ระยะเวลาในการดำเนินงานของกิจการของธุรกิจโรงแรมที่ต่างกันมีความสำเร็จในการประกอบธุรกิจไม่แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 และในส่วนของปัจจัยเชิงกลยุทธ์ทุกกลยุทธ์ มีความสัมพันธ์กับความสำเร็จของผู้ประกอบการธุรกิจโรงแรมไปในทิศทางเดียวกันในระดับสูงมาก อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .001รายการ การเข้าถึงแบบเปิด วิเคราะห์การพัฒนาศักยภาพของบุคลากรคณะวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม ปีการศึกษา 2556-2558(มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม, 2559) หนึ่งฤทัย ล้อมผลรายการ การเข้าถึงแบบเปิด ศักยภาพการพัฒนาด้านเศรษฐกิจของจังหวัดพิษณุโลกโดยใช้แบบจำลอง Boston Consulting Group (BCG)(มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม, 2558) อรรถพล จรจันทร์รายการ การเข้าถึงแบบเปิด การวิเคราะห์ค่าใช้จ่ายการเดินทางไปราชการของคณะวิทยาการจัดการประจำปีงบประมาณ 2559(มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม, 2560) ศิรินทร์ ทิมจันทร์รายการ เมทาเดทาเท่านั้น การพัฒนาอินโฟกราฟิกแนะแนวหลักสูตร คณะวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม(มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม, 2562) พิณรัตน์ นุชโพธิ์การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์สำคัญ คือ 1) เพื่อศึกษาความต้องการของสาขาวิชาในการพัฒนาอินโฟกราฟิกและระบบสารสนเทศเพื่อการจัดการประชาสัมพันธ์หลักสูตร คณะวิทยาการจัดการมหาวิทยาลัยพิบูลสงคราม 2) เพื่อออกแบบและพัฒนาอินโฟกราฟิก และระบบสารสนเทศเพื่อการจัดการประชาสัมพันธ์หลักสูตรคณะวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม 3) เพื่อศึกษาความคิดเห็นของครูแนะแนว และนักเรียนจากโรงเรียนเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 39 หลังการใช้อินโฟกราฟิก และระบบสารสนเทศเพื่อการจัดการประชาสัมพันธ์หลักสูตรคณะวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม โดยเก็บรวบรวมข้อมูลสำหรับการวิจัยจากประธานสาขาวิชาจำนวน 10 หลักสูตร ประกอบด้วย หลักสูตรปริญญาตรี 9 หลักสูตร ได้แก่ หลักสูตรบริหารธุรกิจบัณฑิต สาขาวิชาการตลาด สาขาวิชาการจัดการ สาขาวิชาการจัดการทรัพยากรมนุษย์ สาขาวิชาการจัดการเทคโนโลยีสารสนเทศทางธุรกิจ สาขาวิชาการจัดการธุรกิจค้าปลีก หลักสูตรบัญชีบัณฑิต สาขาวิชาการบัญชี หลักสูตรศิลปศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาการท่องเที่ยวและบริการ หลักสูตรนิเทศศาสตรบัณฑิต สาขาวิชานิเทศศาสตร์ หลักสูตรเศรษฐศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาเศรษฐศาสตร์ธุรกิจ และหลักสูตรปริญญาโท 1 หลักสูตร ได้แก่ หลักสูตรบริหารธุรกิจมหาบัณฑิต สาขาวิชาการจัดการประยุกต์ ผลการศึกษาพบว่า ประธานสาขาวิชาทั้ง 10 หลักสูตรต้องการสื่อประชาสัมพันธ์ที่ให้ความสำคัญกับการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับอาชีพที่ตรงกับสาขาวิชา โครงสร้างหลักสูตรและการเรียนการสอน และโอกาสในการประกอบอาชีพ มากที่สุด ขั้นตอนต่อไปคือการศึกษาความต้องการสื่อประชาสัมพันธ์ และระบบสารสนเทศเพื่อการจัดการประชาสัมพันธ์หลักสูตรคณะวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงครามของกลุ่มตัวอย่างครูแนะแนวสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเขต 39 จำนวน 52 คน จากการศึกษา พบว่า กลุ่มตัวอย่างครูแนะแนว มีความต้องการสื่อสารสนเทศที่ทันสมัย และต้องการใช้ระบบสารสนเทศเพื่อการจัดการด้านกระบวนการทำงานมากที่สุด หลังจากการศึกษาความต้องการของประธานสาขาวิชา และกลุ่มตัวอย่างครูแนะแนวแล้วจะนำข้อมูลดังกล่าวมาเป็นแนวทางในการพัฒนาสื่อประชาสัมพันธ์ในรูปแบบอินโฟกราฟิกและระบบสารสนเทศเพื่อการจัดการประชาสัมพันธ์หลักสูตร จากนั้นได้ทำการประเมินความพึงพอใจหลังการใช้งานอินโฟกราฟิก ซึ่งจากกลุ่มตัวอย่างครูแนะแนว จำนวน 52 คน และกลุ่มตัวอย่างนักเรียนมัธยมศึกษาตอนปลายจากโรงเรียนเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเขต 39 จำนวน 1,050 คน และพบว่า กลุ่มตัวอย่างครูแนะแนวมีความพึงพอใจคุณภาพด้านเนื้อหา การบรรยาย และการบันทึกเสียงมากที่สุด รองลงมา คือคุณภาพการออกแบบ และด้านการสร้างภาพเคลื่อนไหว ตามลำดับ ส่วนกลุ่มตัวอย่างนักเรียนมีความพึงพอใจด้านเนื้อหา และด้านประโยชน์ในการนำไปใช้มากที่สุดเท่ากัน ในส่วนของการประเมินความพึงพอใจหลังการใช้ระบบสารสนเทศเพื่อการจัดการประชาสัมพันธ์หลักสูตร พบว่า กลุ่มตัวอย่างครูแนะแนวมีความพึงพอใจด้านประสิทธิภาพการทำงานของระบบมากที่สุด รองลงมา คือ ความพึงพอใจด้านความยากง่ายต่อการใช้ระบบ และด้านความปลอดภัยของข้อมูล ตามลำดับ กลุ่มตัวอย่างนักเรียนมีความพึงพอใจด้านประโยชน์ในการนำไปใช้มากที่สุด รองลงมาด้านการออกแบบและจัดรูปแบบ และด้านความยากง่ายต่อการใช้ระบบตามลำดับรายการ การเข้าถึงแบบเปิด การวิเคราะห์ผลการประกันคุณภาพการศึกษาของคณะวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม(มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม, 2560) หรรษา สันติวิไลลักษณ์รายการ การเข้าถึงแบบเปิด ผลการวิเคราะห์และเปรียบเทียบการติดตามและประเมินผลการดำเนินงาน ของคณะวิทยาการจัดการ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2558-2559(มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม, 2560) มาริน จันทรวงค์รายการ การเข้าถึงแบบเปิด การศึกษาเปรียบเทียบผลการเรียนรู้ตามมาตรฐานคุณวุฒิระดับปริญญาตรี สาขาวิชาการบัญชี กับมาตรฐานการศึกษาระหว่างประเทศสำหรับ ผู้ประกอบวิชาชีพบัญชี(มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม, 2562) พัชรินทรา ชัยสมตระกูล; สุธีรา วิไลกุล; รัตนา สิทธิอ่วมการศึกษาเปรียบเทียบผลการเรียนรู้ตามมาตรฐานคุณวุฒิระดับปริญญาตรี สาขาวิชาการบัญชี กับมาตรฐานการศึกษาระหว่างประเทศสำหรับผู้ประกอบวิชาชีพบัญชี มีวัตถุประสงค์เพื่อเปรียบเทียบผลการเรียนรู้ตามมาตรฐานคุณวุฒิระดับปริญญาตรี สาขาวิชาการบัญชีกับมาตรฐานการศึกษาระหว่างประเทศสำหรับผู้ประกอบวิชาชีพบัญชี ด้วยวิธีการวิเคราะห์ส่วนประกอบของข้อมูลเปรียบเทียบความเหมือนหรือความสอดคล้องและความแตกต่างของผลการเรียนรู้ตามมาตรฐานคุณวุฒิระดับปริญญาตรี สาขาวิชาการบัญชี (TOF) และมาตรฐานการศึกษาระหว่างประเทศสำหรับผู้ประกอบวิชาชีพบัญชี (IES) โดยจัดแบ่งกลุ่มรายวิชาบัญชีเป็น 7 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มวิชาการบัญชีการเงินและการรายงานทางการเงิน กลุ่มวิชาการบัญชีบริหาร กลุ่มวิชาการเงินและการบริหารการเงิน กลุ่มวิชาภาษีอากร กลุ่มวิชาการสอบบัญชีและการให้ความเชื่อมั่น กลุ่มวิชาการกำกับดูแล การบริหารความเสี่ยง และการควบคุมภายใน และกลุ่มวิชาเทคโนโลยีสารสนเทศ นำผลการเรียนรู้ที่มีวัตถุประสงค์ของการวัดผลเหมือนกันมาจับคู่กัน และวิเคราะห์กลุ่มรายวิชาตามผลการเรียนรู้ที่กำหนดไว้ในหลักสูตรบัญชีบัณฑิต (ปรับปรุง พ.ศ.2561) ของมหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม ผลการเปรียบเทียบผลการเรียนรู้ตามมาตรฐานคุณวุฒิระดับปริญญาตรี สาขาวิชาการบัญชี (TOF) และมาตรฐานการศึกษาระหว่างประเทศสำหรับผู้ประกอบวิชาชีพบัญชี (IES) พบว่า กลุ่มวิชาการบัญชีการเงินและการรายงานทางการเงิน ผลการเรียนรู้ด้านคุณธรรม จริยธรรมมีความแตกต่างมากที่สุด 2) กลุ่มวิชาการบัญชีบริหาร มีผลการเรียนรู้ใกล้เคียงกัน 3) กลุ่มวิชาการเงินและการบริหารการเงิน ผลการเรียนรู้ด้านคุณธรรม จริยธรรม และด้านทักษะทางปัญญามีความแตกต่างมากที่สุด 4) กลุ่มวิชาภาษีอากร ผลการเรียนรู้ด้านทักษะทางปัญญามีความแตกต่างมากที่สุด กลุ่มวิชาการสอบบัญชีและการให้ความเชื่อมั่น ผลการเรียนรู้ด้านทักษะความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลและความรับผิดชอบมีความแตกต่างมากที่สุด 6) กลุ่มวิชาการกำกับดูแล การบริหารความเสี่ยงและการควบคุมภายใน ผลการเรียนรู้ด้านทักษะทางปัญญามีความแตกต่างมากที่สุด 7) กลุ่มวิชาเทคโนโลยีสารสนเทศ ผลการเรียนรู้ด้านทักษะการวิเคราะห์เชิงตัวเลข การสื่อสาร และการใช้เทคโนโลยีมีความแตกต่างมากที่สุดรายการ เมทาเดทาเท่านั้น การพัฒนาการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมของชุมชนบ้านนาเมือง อําเภอชาติตระการ จังหวัดพิษณุโลก(มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม, 2564) อรวรรณ ไพโรจนวุฒิพงศ์; บุษบา หินเธาว์; พิชญาพร ประครองใจ; ธิดารัตน์ วุฒิศรีเสถียรกุลการวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อการศึกษาวิถีชีวิต วัฒนธรรม ประเพณีของคนส่วนใหญ่ในชุมชนบ้านนาเมือง อําเภอชาติตระการ จังหวัดพิษณุโลก เพื่อการพัฒนากิจกรรมการท่องเที่ยวชุมชนบ้านนาเมือง อําเภอชาติตระการ จังหวัดพิษณุโลก และเพื่อการพัฒนาเส้นทางการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมและระบบสารสนเทศเพื่อประชาสัมพันธ์วัฒนธรรมและประเพณีของชุมชนบ้านนาเมือง อําเภอชาติตระการ จังหวัดพิษณุโลก ผู้วิจัยใช้การวิจัยเชิงปริมาณและเชิงคุณภาพ โดยดําเนินการตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2562 - พฤษภาคม 2563 และใช้กระบวนการวิจัยในการเก็บรวบรวมข้อมูลด้วยวิธีแบบสัมภาษณ์ แบบสังเกตการอย่างมีส่วนร่วมกับชุมชนมีตัวแทนชุมชน ร่วมเป็นผู้ให้ข้อมูลหลัก การมีส่วนร่วมในกิจกรรมทอผ้าและการประกอบอาหารพื้นถิ่น ผลการวิจัยพบว่า วิถีชีวิตวัฒนธรรมและประเพณีของคนส่วนใหญ่ในชุมชนบ้านนาเมืองเกี่ยวข้องกับธรรมชาติ โดยมีการดํารงชีวิตความสัมพันธ์ทางสังคมและความเป็นอยู่ได้รับคําแนะนําเกี่ยวกับความเชื่อและพิธีกรรมของสิบสองฮีต (เดือน) สิบสี่กงควบคุมจริยธรรมศีลธรรมและการปฏิบัติของหมู่บ้านเพื่อการดํารงอยู่อย่างสงบสุข สามารถทําได้โดยการสืบทอดวิถีชีวิตวัฒนธรรมประเพณีของชาวลาวที่บ้านนาเมือง อําเภอชาติตระการ จังหวัดพิษณุโลก สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นจาก 1. ระบบครอบครัว 2. ความเชื่อเรื่องผีหรือสิ่งเหนือธรรมชาติ 3. ความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นของสมาชิกในชุมชน 4. ความเข้้มแข็งของวัฒนธรรม / ประเพณีที่สําคัญของชุมชน 5. ความเชื่อของพระพุทธศาสนาและมีความสัมพันธ์กับทางธรรมชาติสามรูปแบบ คือ 1. สมาชิกในครอบครัวที่เป็นปัจจัยหลักในการถ่ายทอดทางมหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงครามพันธุกรรม 2. การเก็บรักษาข้อมูลในท้องถิ่นของนักวิชาการและผู้รู้ 3. ชุมชนวัดและสถานศึกษาที่มีส่วนร่วมในมรดกทางวัฒนธรรม ประเพณีของหมู่บ้าน. รูปแบบการท่องเที่ยวบ้านนาเมืองคือ “การท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมและศิลปะประเพณีและวิถีชีวิต” โดยมีองค์ประกอบ เช่น ทรัพยากรธรรมชาติ (น้ําตกภูเขาทิวทัศน์โดยรอบ) ความรู้ท้องถิ่น (ผ้าทอมือบ้านนาเมือง - อาหารพื้นบ้าน) และจัดกิจกรรมท่องเที่ยว (ปั่นนจักรยานสัมผัสวัฒนธรรมชนบทชมสะพานไม้กลางทุ่งนาชมการสาธิตการทอผ้าฝากทํางานศิลปาชีพผ้าทอมือ (บ้านนาเมือง) ร่วมสืบสานประเพณีบ้านนาเมืองทดลอง ด้านการเกษตรเพาะกล้า / ล่าปู / กบพูดและกิจกรรมทําอาหารพื้นบ้านปูผัด / ผัดเผ็ดกบ) และเพื่อสร้างช่องทางการประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวและประเพณีของชุมชนหน้าเมือง มีการใช้กระบวนการวิจัยร่วมกับชุมชนในฐานะผู้ให้ข้อมูลหลัก ตลอดจนการออกแบบเส้นทางและกิจกรรมการท่องเที่ยวร่วมกัน เครื่องมือวิจัยที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล ได้แก่ การสัมภาษณ์เชิงลึกการสนทนากลุ่มสัมภาษณ์แบบไม่เป็นทางการการประชุมกลุ่มการสังเกตแบบสอบถามและการสํารวจแหล่งท่องเที่ยวงานเทศกาลประเพณีและวัฒนธรรมในชุมชนบ้านนาเมือง และพื้นที่ใกล้เคียง เพื่อใช้ข้อมูลเพื่อกําหนดโครงสร้างข้อมูลภายในเว็บไซต์และวางผังรูปแบบของหน้าเว็บได้อย่างเหมาะสม