มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม

Permanent URI for this communityhttps://psruir.psru.ac.th/handle/123456789/128

ค้นหา

ผลการค้นหา

กำลังแสดง1 - 2 of 2
  • รายการการเข้าถึงแบบเปิด
    แนวทางการพัฒนาประสิทธิภาพการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลวชิรบารมี จังหวัดพิจิตร
    (มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม, 2550) อังคณา นุ้ยพิน; ไพศาล ริ้วธงชัย; อนงค์นาฎ คงประชา
    การวิจัยครั้งนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อศึกษาสภาพปัญหาและกำหนดแนวทางพัฒนาการทำงานของเจ้าหน้าที่วชิรบารมีจังหวัดพิจิตร รวม 5ด้านได้แก่ ด้านความรู้ความสารมารถในการทำงาน ด้านสวัสดิการและความก้าวหน้าในหน้าที่การงาน ด้านการมีมนุษยสัมพันธ์ ด้านระบบการทำงาน ด้านการส่งเสริมสนับสนุนของผู้บริหาร โดยมีประชากรที่ศึกษา จำนวน 100 คน เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูลได้แก่ แบบสอบถาม สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล คือ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ผลการวิจัยพบว่า 1. สภาพปัญหาที่มีผลต่อประสิทธิภาพในการทำงานของเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลวชิรบารมี จังหวัดพิจิตร สรุปผลการวิจัยได้ดังนี้ 1.1 ด้านความรู้ความสามารถในการทำงาน มีปัญหาอยู่ในระดับปานกลาง 3 อันดับแรกได้แก่ ความพอใจกับตำแหน่งหน้าที่ที่ได้รับ ความสามารถใช้เครื่องมือ วัสดุ อุปกรณ์ได้ตรงความต้องการตามมาตรฐานของแต่ละงาน และการพัฒนาองค์ความรู้ของตนเองตามลำดับ 1.2 ด้านสวัสดิการและความก้าวหน้า มีปัญหาอยู่ในระดับปานกลาง 3 อันดับแรกได้แก่ ความก้าวหน้าในเรื่องเงินเดือนที่ได้รับเมื่อเทียบกับความรู้ ความก้าวหน้าที่ได้รับการปรับเปลี่ยนหน้าที่ให้ดีขึ้นตามความสามารถและความก้าวหน้าในเรื่องความเจริญก้าวหน้าในอาชีพการงาน ตามลำดับ 1.3 ด้านการมีมนุษยสัมพันธ์ มีปัญหาอยู่ในระดับมาก 3 อันดับแรกได้แก่ ความสามารถในการปรึกษาหารือกับเพื่อนร่วมงานเมื่อมีปัญหาในการปฏิบัติงาน การยอมรับฟังความคิดเห็นและข้อเสนอแนะในเรื่องเกี่ยวกับการปฏิบัติงาน และการให้ความช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ระหว่างผู้บังคับบัญชาและเพื่อนร่วมงาน ตามลำดับ 1.4 ด้านระบบการทำงาน มีปัญหาอยู่ในระดับปานกลาง 3 อันดับแรกได้แก่ ปริมาณงานที่มีมากเกินจำนวนผู้ปฏิบัติระบบการทำงานที่มีความยุ่งยากหลายขั้นตอน และระดับของการมีผู้บังคับบัญชามาก ทำให้ยากในการที่จะปฏิบัติงานด้วยความรวดเร็ว ตามลำดับ 1.5 ด้านการส่งเสริมสนับสนุนของผู้บริหาร มีปัญหาอยู่ในระดับปานกลาง 3 อันดับแรก ได้แก่สนับสนุนเรื่องบุคลากรที่เพียงพอต่อการปฏิบัติงาน สนับสนุนในเรื่องการอบรมให้ความรู้ใหม่ๆ เพื่อใช้ในการปฏิบัติงาน และสนับสนุนเรื่องการศึกษาดูงานการศึกษาต่อ เพื่อเพิ่มพูนประสบการณ์ในการทำงาน ตามลำดับ 2. แนวทางการทำงานที่มีประสิทธิภาพ 2.1 ความสามารถในการปรึกษาหารือกับเพื่อนร่วมงานเมื่อมีปัญหาในการปฏิบัติงาน ควรจัดให้มีการประชุมแต่ละกลุ่มงานทุกเดือน เปิดเวทีแลกเปลี่ยนความคิดเห็น เพื่อรับทราบถึงปัญหาในการทำงานและหาแนวทางในการแก้ปัญหาร่วมกัน เพื่อสร้างความสามัคคีและการทำงานเป็นทีม 2.2 การยอมรับฟังความคิดเห็นและข้อเสนอแนะในเรื่องเกี่ยวกับการปฏิบัติงาน การจัดอบรมปรับเปลี่ยนพฤติกรรมภายในองค์กร โดยมีการทำกิจกรรมร่วมกัน แทรกเนื้อหาความรู้การพัฒนาองค์กร มีกระบวนการละลายพฤติกรรมของเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลวชิรบารมีเพื่อการบรรลุตามเป้าหมายในการพัฒนาการทำงานที่มีประสิทธิภาพของเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลวชิรบารมี 2.3 การให้ความช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ระหว่างผู้บังคับบัญชาและเพื่อนร่วมงาน จัดตั้งชมรมจิตอาสา ธนาคารความดี เพื่อทำความดีถวายในหลวง ซึ่งเจ้าหน้าที่มีสัมพันธภาพที่ดีต่อกันและร่วมมือร่วมใจกันทำความดี ส่งเสริมการทำงานเป็นทีมส่งผลให้องค์กรมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
  • รายการการเข้าถึงแบบเปิด
    การนำเสนอแนวทางการทำงานที่มีประสิทธิภาพของพนักงานบริการโทรศัพท์ ศูนย์บริการตอนนอก ฝ่ายขายและบริการลูกค้าภูมิภาค ที่ 3.2
    (มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม, 2550) ดวงพร สุขุประการ; สุเมธ แสงนาทร; สมคิด ศรีสิงห์
    การวิจัยครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาปัญหาและนำเสนอแนวทางในการทำงานที่มีประสิทธิภาพของพนักงานบริการโทรศัพท์ ศูนย์บริการตอนนอก ฝ่ายขายและบริการลูกค้าภูมิภาคที่ 3.2 รวม 5 ด้าน ได้แก่ ด้านความรู้ความสามารถในการทำงาน ด้านสวัสดิการและความก้าวหน้า ด้านการมีมนุษยสัมพันธ์ ด้านระบบการทำงาน และด้านการส่งเสริมและสนุนสนุนของผู้บริหาร กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ได้แก่ ผู้ปฏิบัติงานของศูนย์บริการตอนนอก ฝ่ายขายและบริการลูกค้าภูมิภาคที่ 3.2 จำนวน 125 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ แบบสอบถาม สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล คือ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย และ ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ผลการวิจัยพบว่า 1. ปัญหาในการทำงานของพนักงานบริการโทรศัพท์ ศูนย์บริการตอนนอก ฝ่ายขายและบริการลูกค้าภูมิภาคที่ 3.2 มี ดังนี้ 1.1 ด้านความรู้ความสามารถในการทำงาน มีปัญหาอยู่ในระดับปานกลาง ปัญหา 3 อันดับแรก ได้แก่ การบันทึกข้อมูลหรือการจัดทำฐานข้อมูลสถิติเหตุเสียและประวัติการซ่อมบำรุง การปฏิบัติงานใกล้กับสายไฟฟ้าแรงสูงเพื่อป้องกันอุบัติเหตุ และการปรับปรุงฐานข้อมูลการแก้ไขติดตั้งเคเบิล ตามลำดับ 1.2 ด้านสวัสดิการและความก้าวหน้าในหน้าที่การงาน มีปัญหาเฉลี่ยอยู่ในระดับปานกลาง ปัญหา 3 อันดับแรกได้แก่ ความก้าวหน้าเรื่องเงินเดือนที่ไดรับเมื่อเปรียบเทียบกับปริมาณงานที่ปฏิบัติ ความก้าวหน้าที่ได้รับการปรับเปลี่ยนหน้าที่ให้ดีขึ้นตามความสามารถ และความก้าวหน้าในเรื่องเงินเดือนที่ได้รั้บเมื่อเปรียบเทียบกับความรู้ ตามลำดับ 1.3 ด้านการมีมนุษยสัมพันธ์ มีปัญหาเฉลี่ยอยู่ในระดับปานกลาง ปัญหา 3 อันดับแรก ได้แก่ การทำงานร่วมกับผู้อื่น การขอคำแนะนำจากผู้บังคับบัญชาหรือเพื่อนร่วมงานเมื่อประสบปัญหาในการปฏิบัติงาน และการให้ความช่วยเหลือซึ่งกันและกันระหว่างผู้บังคับบัญชาและเพื่อร่วมงาน ตามลำดับ 1.4 ด้านระบบการทำงาน มีปัญหาเฉลี่ยอยู่ในระดับมาก ปัญหา 3 อันดับแรก ได้แก่ ปริมาณงานที่มีมากเกินจำนวนผู้ปฏิบัติงาน ระดับของการบังคับบัญชามีมากทำให้ยากในการที่จะปฏิบัติงานด้วยความรวดเร็ว และระบบการทำงานที่มีความยุ่งยากหลายขั้นตอน ตามลำดับ 1.5 ด้านการส่งเสริมและสนับสนุนของผู้บริหาร มีปัญหาเฉลี่ยอยู่ในระดับปานกลาง ปัญหา 3 อันดับแรก ได้แก่ การสนับสนุนการจัดให้มีเครื่องมืออุปกรณ์ที่จำเป็นในการทำงาน ให้เพียงพอกับความต้องการใช้งาน การจัดสรรอุปกรณ์ของใช้จากหน่วยสนับสนุนด้วยความรวดเร็ว และการอบรมให้มีความรู้ใหม่ๆ เพื่อใช้ในการปฏิบัติงาน ตามลำดับ 2. แนวทางการทำงานที่มีประสิทธิภาพของพนักงานบริการโทรศัพท์ ศูนย์บริการตอนนอก ฝ่ายขายและบริการลุกค้าภูมิภาคที่ 3.2 แบ่งเป็น 2 ด้านคือ ด้านระบบการทำงาน โดยลลดความสลับซับซ้อนของหน่วยงาน ลดความซ้ำซ้อนในกระบวนการทำงาน ลดเวลาที่ต้องใช้ในการเตรียมการ การนำเทคโนโลยีมาช่วยในการปฏิบัติงาน การใช้วิธีการป้องกันมากกว่าแก้ไข การเปลี่ยนบทบาทจากผู้ปฏิบัติงานมาเป็นผู้ควบคุมงาน และด้านบุคลากร โดยการจัดอบรมให้กับพนักงานและการชี้แจงหรือทำความเข้าใจกับพนักงาน