มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม
Permanent URI for this communityhttps://psruir.psru.ac.th/handle/123456789/128
ค้นหา
4 ผลลัพธ์
ผลการค้นหา
รายการ การเข้าถึงแบบเปิด การวิเคราะห์องค์ประกอบสมรรถภาพในการบริหารงานวิชาการของผู้บริหารสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาพิจิตร เขต1 และเขต 2(มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม, 2550) พรชนก ต่ายหัวดง; เอื้อมพร หลินเจริญ; จุมพต ขำสีระการวิจัยครั้งนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อศึกษาและวิเคราะห์องค์ประกอบสมรรถภาพในการบริหารงานวิชาการ ของ ของผู้บริหารสถานศึกษาสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาพิจิตร เขต 1 และเขต 2 กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ ผู้บริหารสถานศึกษาสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาพิจิตร เขต 1 และเขต 2 ปีการศึกษา 2549 จำนวน 190 คน เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูลเป็นแบบสอบถาม วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติบรรยายองค์ประกอบโดยสกัดองค์ประกอบหลักและแกนหมุนแบบออโธกอนอลด้วยวิธีวาริแมกช์ ผลการวิจัยพบว่าสมรรถภาพในการบริหารงานวิชาการของผู้บริหารสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาพิจิตรเขต 1 และเขต 2 ในภาพรวมอยู่ในระดับมาก ผลการวิเคราะห์องค์ประกอบสมรรถภาพในการบริหารงานกลุ่มวิชาการของผู้บริหารสถานศึกษา พบว่ามี 11 องค์ประกอบ ได้แก่ องค์ประกอบด้านการบริหารข้อมูลและสารสนเทศ การพัฒนาบุคลากร การบริหารงานวัดผลประเมินผลการเรียน การประเมินผลงานทางวิชาการ การวิจัยและพัฒนาองค์กร การนิเทศภายใน การพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษา การบริหารการเรียนการสอน การบริหารกิจกรรมทางวิชาการ การพัฒนางานวิชาการและการบริหารทรัพยากรทางวิชาการตามลำดับ โดยที่ทั้ง 11 องค์ประกอบร่วมกันอธิบายควาแปรปรวนของสมรรถภาพในการบริหารงานวิชาการได้ร้อยละ 71.642รายการ การเข้าถึงแบบเปิด การศึกษาปัญหาการปฏิบัติงานตามมาตรฐานวิชาชีพของผู้บริหารสถานศึกษาในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาพิษณุโลก เขต 1(มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม, 2550) ไพบูลย์ มันดะสูตร; เดือนใจ เกียรชี; พวงทอง ไสยวรรณ์การวิจัยครั้งนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อศึกษาปัญหาและสาเหตุของปัญหาการปฏิบัติงานตามมาตรฐานวิชาชีพเกี่ยวกับการปฏิบัติงาน 12 มาตรฐานของผู้บริหารสถานศึกษา ในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาพิษณุโลก เขต 1 กลุ่มประชากรเป็นผู้บริหารสถานศึกษาที่เปิดทำการสอนตั้งแต่อันปฐมวัยถึงช่วงชั้นที่ 3 ในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาพิษณุโลก เขต 1 จำนวน 138 คน เครื่องมือที่ใช้เก็บรวบรวมข้อมูลเป็นแบบสอบถามให้เลือกสภาพที่เป็นปัญหาจากมากที่สุดลงมา และปลายเปิดให้ระบุสาเหตุของปัญหา และเพิ่มการสัมภาษณ์ซ้ำเพื่อการตรวจสอบยืนยันสาเหตุของปัญหา การวิเคราะห์ข้อมูลใช้วิธีเรียงลำดับโดยใช้ค่าสถิติร้อยละ และการวิเคราะห์เนื้อหา ผลการวิจัยพบว่า ผู้บริหารสถานศึกษาในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาพิษณุโลก เขต 1 มีปัญหาในการปฏิบัติงานตามมาตรฐานวิชาชีพอันดับแรก ในเรื่องการจัดกิจกรรมที่ครอบคลุมด้านการเรียนการสอน กิจกรรมเสริมตลอดจนด้านสังคมและสิ่งแวดล้อมที่ส่งผลต่อพัฒนาการรอบด้านของครู ผู้เรียนและชุมชนซึ่งมีสาเหตุมาจาก การไม่เห็นความสำคัญของงานวิชาการและไม่มีความสามารถในการสร้างผลงานทางวิชาการ ปัญหาอันดับสองในเรื่อง ผู้บริหารใช้อำนาจสั่งการให้ปฏิบัติตามแผน ซึ่งมีสาเหตุมาจาก ผู้บริหารเป็นผู้สั่งการมากกว่าการทำงานเป็นทีม ขาดการประเมินผลการปฏิบัติงานขององค์กรเพื่อนำไปปรับปรุงการปฏิบัติงานเพื่อให้เกิดผลที่ถาวร ปัญหาอันดับสามในเรื่อง การร่วมกันเผยแพร่การใช้นวัตกรรมการบริหารที่ได้ผลแล้วด้วยความภาคภูมิใจ ซึ่งมีสาเหตุมาจาก ขาดบุคลากรชำนาญการเฉพาะในเรื่องการใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรม และผู้บริหารขาดความรู้ความเข้าใจและการเลือกใช้นวัตกรรมที่ทันสมัยรายการ การเข้าถึงแบบเปิด การศึกษาคุณลักษณะของผู้บริหารตามความคาดหวังของครูศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยจังหวัดพิษณุโลก(มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม, 2557) ภัทรชัย เครือกนก; นิคม นาคอ้ายการวิจัยครั้งนี้กลุ่มตัวอย่างเป็นครูศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยจังหวัดพิษณุโลก การวิจัยเชิงสำรวจโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาคุณลักษณะของผู้บริหารตามความคาดหวังของครูศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยจังหวัดพิษณุโลก จำนวน 135 คน เครื่องมือที่ใช้คือแบบสอบถามที่เป็นมาตราส่วนประมาณค่า 5 ระดับ ประกอบด้วย 1) ด้านความเป็นผู้นำ 2) ด้านวิชาการ 3) ด้านคุณธรรม 4) ด้านบุคลิกภาพ 5) ด้านความสามารถในการบริหาร สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลคือสถิติพื้นฐาน ได้แก่ ร้อยละ (Percentage) ค่าเฉลี่ย (x̄) ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) ผลการวิจัยพบว่า การศึกษาในครั้งนี้ ทำให้ได้ข้อมูลคุณลักษณะของผู้บริหารตามความคาดหวังของครูศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยจังหวัดพิษณุโลก ด้านที่มีค่าเฉลี่ยในอันดับสูงสุด คือ ด้านความเป็นผู้นำซึ่งอยู่ในระดับมาก รองลงมาด้านคุณธรรมอยู่ในระดับมาก อันดับที่สามด้านความสามารถในการบริหารอยู่ในระดับมาก อันดับสุดท้ายด้านบุคลิกภาพอยู่ในระดับมากรายการ เมทาเดทาเท่านั้น การศึกษาเปรียบเทียบคุณลักษณะของผู้บริหารสถานศึกษาในศตวรรษที่ 21 ตามความคิดเห็นของผู้บริหารสถานศึกษาและครูผูสอน สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเพชรบูรณ์ เขต 1(มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม, 2565) รัชนัญ เพชรมี; นงลักษณ์ ใจฉลาด; สมหมาย อ่ำดอนกลอยการวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาและเปรียบเทียบคุณลักษณะของผู้บริหารสถานศึกษาในศตวรรษที่ 21 ตามความคิดเห็นของผู้บริหารสถานศึกษาและครูผู้สอน สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเพชรบูรณ์ เขต 1 ประชากรในการวิจัยได้แก่ สถานศึกษาในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเพชรบูรณ์ เขต 1 จำนวน 141 โรงเรียน ได้กลุ่มตัวอย่างจำนวน 108 โรงเรียน ผู้ให้ข้อมูลเป็นผู้บริหารสถานศึกษา 108 คน และครูผู้สอน 108 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยเป็นแบบสอบถามมาตราส่วนประมาณค่า 5 ระดับ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงมาตรฐาน และการทดสอบค่าทีแบบกลุ่มอิสระ (Independent Sample: t-test) ผลการวิจัย พบว่า 1) คุณลักษณะของผู้บริหารสถานศึกษาในศตวรรษที่ 21 ตามความคิดเห็นของผู้บริหารสถานศึกษา โดยภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด ด้านที่มีค่าเฉลี่ย สูงสุดคือ ด้านความรู้ความสามารถในการบริหาร ส่วนด้านที่มีค่าเฉลี่ยต่ำที่สุด คือ ด้านการคิดวิเคราะห์และคิดสร้างสรรค์ 2) คุณลักษณะของผู้บริหารสถานศึกษาในศตวรรษที่ 21 ตามความคิดเห็นของครูผู้สอน โดยภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด ด้านที่มีค่าเฉลี่ยสูงสุด คือด้านการมีมนุษยสัมพันธ์ ส่วนด้านที่มีค่าเฉลี่ยต่ำที่สุด คือ ด้านการคิดวิเคราะห์และคิดสร้างสรรค์ 3) ผลการเปรียบเทียบคุณลักษณะของผู้บริหารสถานศึกษาในศตวรรษที่ 21 ตามความคิดเห็นของผู้บริหารสถานศึกษาและครูผู้สอน โดยภาพรวมทั้ง 6 ด้าน พบว่า ไม่แตกต่างกัน และเมื่อพิจารณาเป็นรายด้านมีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 2 ด้าน คือ ด้านการมีวิสัยทัศน์ ด้านความรู้ความสามารถในการบริหาร