มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม

Permanent URI for this communityhttps://psruir.psru.ac.th/handle/123456789/128

ค้นหา

ผลการค้นหา

กำลังแสดง1 - 10 of 15
  • Thumbnail Image
    รายการการเข้าถึงแบบเปิด
    การศึกษาความพร้อมในการบริหารงบประมาณแบบมุ่งเน้นผลงานของสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาพิษณุโลก เขต 2
    (มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม, 2547) วันชัย พฤกษะวัน; สุรชัย ขวัญเมือง; วีรพงษ์ อินร์ทอง; อดุล วังศรีคูณ
    การวิจัยครั้งนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อศึกษาความพร้อมในการบริหารงบประมาณแบบมุ่งเน้นผลงานของสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาพิษณุโลก เขต 2 ใน 7 ด้าน ได้แก่ ความพร้อมด้านการวางแผนงบประมาณ ความพร้อมด้านการคำนวณต้นทุนผลผลิต ความพร้อมด้านการวางแผนงบประมาณ ความพร้อมด้านการคำนวณต้นทุนผลผลิต ความพร้อมด้านการจัดระบบจัดซื้อจัดจ้าง ความพร้อมด้านการรายงานทางการเงินและผลการดำเนินงานและความพร้อมด้านการตรวจสอบภายในตามความคิดเห็นของผู้บริหารสถานศึกษาและครูผู้สอน กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ ผู้บริหารและครูผู้สอนจำนวน 206 คน เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูลเป็นแบบสอบถามลักษณะเป็นเลือกตอบ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าร้อยละและค่าความถี่ ผลการวิจัยพบว่า ผู้บริหารมีความเห็นโรงเรียนมีความพร้อมในการบริหารงบประมาณแบบมุ่งเน้นผลงานเรียงตามความพร้อมมากไปน้อย ได้แก่ ความพร้อมด้านการวางแผนงบประมาณความพร้อมด้านการบริหารทางการเงินและควบคุมงบประมาณ ความพร้อมด้านการรายงานทางการเงินและผลการดำเนินงาน ความพร้อมด้านการจัดระบบการจัดซื้อจัดจ้าง ความพร้อมด้านการบริหารสินทรัพย์ ความพร้อมด้านการคำนวณต้นทุนผลผลิต และความพร้อมด้านการตรวจสอบภายในตามลำดับ ส่วนครูผู้สอนมีความคิดเห็นว่าโรงเรียนมีความพร้อมในการบริหารงบประมาณแบบมุ่งเน้นผลงานเรียงตามความพร้อมมากไปย้อย ได้แก่ ความพร้อมด้านการวางแผนงบประมาณ ความพร้อมด้านการบริหารงานทางการเงินและควบคุมงบประมาณ ความพร้อมด้านการรายงานทางการเงินและผลการดำเนินงาน ความพร้อมด้านการจัดระบบการจัดซื้อจัดจ้าง ความพร้อมด้านการคำนวณต้นทุนผลผลิต ความพร้อมด้านการตรวจสอบภายในและความพร้อมด้านการบริหารสินทรัพย์ตามลำดับ
  • รายการการเข้าถึงแบบเปิด
    การศึกษาสภาพและปัญหาการปฏิบัติงานตามเกณฑ์มาตรฐานโรงเรียนประถมศึกษา สังกัดสำนักงานการประถมศึกษาจังหวัดกำแพงเพชร
    (มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม, 2545) มนู หมอกเมฆ; สรรค์ วรอินทร์; สอน โรจนตระกูล; สุดไฉน มีรียะเกิด
  • รายการการเข้าถึงแบบเปิด
    การศึกษาความคิดเห็นของนักศึกษามหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม ที่มีต่อการจัดการเรียนการสอนภาษาของอาจารย์ชาวต่างประเทศ
    (มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม, 2549) จั๋ย หยูนเหมย; เอื้อมพร หลินเจริญ; เกษม บุญโญ
    การวิจัยครั้งนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อศึกษาความคิดเห็นของนักศึกษามหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงครามที่มีต่อการจัดการเรียนการสอนภาษาของอาจารย์ช่างต่างประเทศ กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ ได้แก่ นักศึกษษที่เรียนภาษากับอาจารย์ชาวต่างประเทศซึ่งเป็นนักศึกษาสาขาศิลปะศาสตร์ โปรแกรมวิชาภาษาอังกฤษ ภาษาญี่ปุ่น อุตสาหกรรมท่องเที่ยว ชั้นปีที่ 1 ปีที่ 2 ปีที่ 3 และปีที่ 4 ของมหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม ปีการศึกษา 2549 จำนวน 246 คน สุ่มตัวอย่างโดยใช้วิธีการสุ่มแบบแบ่งชั้น เครื่องมือที่ใช้ในการรวบรวมข้อมูล ได้แก่ แบบสอบถาม (Questionnaire) ที่เกี่ยวกับความคิดเห็นของนักศึกษาที่มีต่อการจัดการเรียนการสอนภาษาของอาจารย์ชาวต่างประเทศที่ผู้วิจัยสร้างขึ้นเอง จำนวน 70 ข้อ มีลักษณะเป็นแบบตรวจสอบรายการ (Check List) และมาตราส่วนประมาณค่า (Rating Scale) 5 ระดับ เก็บรวบรวมข้อมูลโดยผู้วิจัยดำเนินการเก็บรวบรวมข้อมูลด้วยตนเอง ได้แบบสอบถามที่สมบูรณ์จำนวน 223 ฉบับ สถิติที่ใช้ในการดำเนินการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่าเฉลี่ยเลขคณิตและค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน ผลการศึกษาพบว่า นักศึกษามหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงครามมีความคิดเห็นต่อการจัดการเรียนการสอนภาษาของอาจารย์ชาวต่างประเทศในภาพรวมและแต่ละรายด้านอยู่ในระดับมาก
  • รายการการเข้าถึงแบบเปิด
    การประเมินผลการจัดการศึกษาระดับบัณฑิตศึกษา สาขาวิชาการบริหารการศึกษาของมหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม
    (มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม, 2549) เกศรา เจริญกุล; วิราพร พงษ์อาจารย์; อภิวันท์ ชาญวิชัย; เกษม บุญโญ
    การศึกษาครั้งนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อประเมินผลการจัดการศึกษาระดับบัณฑิตศึกษาสาขาวิชาการบริหารการศึกษา ของมหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงครามในด้านความพร้อมของปัจจัยเบื้องต้นที่สนับสนุนการจัดการศึกษา ความเหมาะสมของกระบวนการ และผลผลิตของการจัดการศึกษากลุ่มตัวอย่างใช้ในการประเมินได้แก่ มหาบัณฑิต นักศึกษาระดับบัณฑิตศึกษา อาจารย์ผู้สอนหรือคณะกรรมการที่ปรึกษาวิทยานิพนธ์ และผู้บังคับบัญชาหรือผู้ร่วมงานของมหาบัณฑิต จำนวน 113 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยเป็นแบบสอบถามมาตราส่วนประมาณค่า วิเคราะห์ข้อมูลสถิติใช้สถิติ ร้อยละค่าเฉลี่ย ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน การทดสอบค่าทีและการทดสอบค่าเอฟ ผลการวิจัยพบว่า 1. ผลการประเมินการจัดการศึกษาด้านความพร้อมของปัจจัยที่สนับสนุนการศึกษาทั้งในภาพรวมและเป็นรายด้านส่วนใหญ่มีความเหมาะสมอยู่ในระดับมากยกเว้นในเรื่อง การใช้สื่อและอุปกรณ์การสอนและการมีเวลาให้คำปรึกษาแก่นักศึกษานอกชั้นเรียนอยู่ในระดับปานกลาง การประเมินกระบวนการในการจัดการศึกษา ในภาพรวมและเป็นรายด้านมีความเหมาะสมในระดับปานกลาง ยกเว้นเรื่อง การจัดการเรียนการสอนอยู่ในระดับมาก 2. ผลการเปรียบเทียบคุณภาพของมหาบัณฑิต ทั้งในภาพรวมและเป็นรายด้านทุกด้านมีความเหมาะสมอยู่ในระดับมาก 3. ผลการเปรียบเทียบความคิดเห็นของอาจารย์ มหาบัณฑิต และนักศึกษาเกี่ยวกับความพร้อมด้านปัจจัย พบว่าส่วนใหญ่แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติส่วนด้านบุคลากรในสำนักงานวัสดุอุปกรณ์และอาคารสถานที่ ไม่แตกต่างกัน 4. ผลการเปรียบเทียบความคิดเห็นของอาจารย์ มหาบัณฑิตและนักศึกษาเกี่ยวกับความเหมาะสมด้านกระบวนการทั้งในภาพรวมและเป็นรายด้านทุกด้านไม่แตกต่างกัน 5.ผลการเรียบเทียบคุณภาพของมหาบัณฑิตความคิดเห็นของมหาบัณฑิตและผู้บังคับบัญชาหรือเพื่อนร่วมงานของมหาบัณฑิตทั้งในภาพรวมและเป็นรายด้านทุกด้านแตกต่างกัน
  • รายการการเข้าถึงแบบเปิด
    การศึกษาแนวทางการพัฒนาการจัดทำแผนแม่บทชุมชน : กรณีศึกษาตำบลวังพิกุล อำเภอวังทอง จังหวัดพิษณุโลก
    (มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม, 2549) เตือนใจ อุ่นจันทร์; ภาณุวัฒน์ ภักดีวงศ์; สงวน ช้างฉัตร; สุทิน เจริญสังข์
    การวิจัยครั้งนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อศึกษากระบวนการจัดทำแผนแม่บทชุมชนและนำเสนอแนวทางการพัฒนาการจัดทำแผนแม่บทชุมชนใหม่ แหล่งข้อมูลที่ใช้ในการศึกษาเป็นคณะกรรมการแผนแม่บทชุมชนตำบลวังพิกุล จำนวน 7 คน จากการเลือกแบบเจาะจงรวบรวมข้อมูลโดยวิธีการวิจัยเชิงคุณภาพ ประกอบด้วยการศึกษาเอกสารและสัมภาษณ์แบบสนทนากลุ่ม วิเคราะห์ข้อมูลโดยการจำแนกและจัดหมวดหมู่ข้อมูลตามประเด็นและนำเสนอแนวทางในรูปแบบตารางเปรียบเทียบประกอบการบรรยายสภาพ ผลการวิจัยพบว่า กระบวนการจัดทำแผนชุมชนในอดีต ดำเนินไปภายใต้แนวทาง วิธีการและการสนับสนุนงบประมาณจากองค์กรพัฒนาเอกชน โดยใช้แบบสอบถามเป็นเครื่องมือในการจัดเก็บข้อมูลเพื่อจัดทำแผนแม่บทชุมชน ปัญหาและอุปสรรคที่พบคือแกนนำผู้จัดเก็บข้อมูลและครัวเรือนผู้ให้ข้อมูลมีความเข้าใจในข้อคำถามของแบบสอบถามน้อย และขาดความต่อเนื่องในการนำแผนงานพัฒนาในแผนแม่บทชุมชนไปสู่การปฏิบัติ กระบวนการจัดทำแผนแม่บทชุมชนที่ควรปรับปรุง ได้แก่ ให้ความสำคัญกับการมีส่วนร่วมของคนในชุมชนมากขึ้น ให้เวทีประชาคมเป็นเครื่องมือในการตัดสินใจ ใช้ทุนหรือศักยภาพที่ชุมชนมีเพื่อให้เกิดการเรียนรู้ของชุมชนโดยกำหนดยุทธศาสตร์การสร้างระบบการเรียนรู้แบบมีส่วนร่วมของชุมชนและยุทธศาสตร์การเสริมสร้างความเข้มแข็งของชุมชน เพื่อให้สู้เป้าหมายชุมชนเข้มแข็ง พึ่งตนเองได้
  • Thumbnail Image
    รายการการเข้าถึงแบบเปิด
    การพัฒนาความรู้ด้านการตลาด ของกลุ่มอาชีพทอผ้า บ้านม่วงหอม หมู่ที่ 5 ตำบลแก่งโสภา อำเภอวังทอง จังหวัดพิษณุโลก
    (มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม, 2548) ละออ ทรงกฤษณ์; สมคิด ศรีสิงห์; อำนวยพร สุนทรสมัย; เทอดศักดิ์ จันทร์อรุณ
  • Thumbnail Image
    รายการการเข้าถึงแบบเปิด
    การศึกษาเพื่อพัฒนาจรรยาบรรณวิชาชีพของตัวแทนประกันชีวิตในจังหวัดพิษณุโลกแนวพุทธศาสนา
    (มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม, 2547) พิชัย จันทยา; อำนวยพร สุนทรสมัย; สมคิด ศรีสิงห์; วีระพงษ์ อินทร์ทอง
    การศึกษาเพื่อพัฒนาจรรยาบรรณวิชาชีพของตัวแทนประกันชีวิตในจังหวัดพิษณุโลกแนวพุทธศาสนามี จุดมุ่งหมายเพื่อศึกษาระดับจรรยาบรรณวิชาชีพของตัวแทนประกันชีวิตในจังหวัดพิษณุโลกกำหนดหลักการและ ประเด็นการพัฒนาจรรยาบรรณวิชาชีพแนวพุทธศาสนาและพัฒนาระดับจรรยาบรรณของตัวแทนประกันชีวิตตาม แนวทางพุทธศาสนา กลุ่มตัวอย่างที่ใช้การศึกษา ได้แก่ ผู้เอาประกันชีวิตในจังหวัดพิษณุโลก จำนวน 390 คน โดยการสุ่มอย่างง่าย (simple Random sampling) เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยเป็นแบบสอบ ถามชนิดมาตราส่วน ประมาณค่า (Rating scale) เก็บรวบรวมข้อมูลด้วยตนเอง วิเคราะห์ด้วยคอมพิวเตอร ์โดยใช้โปรแกรมสำเร็จรูป spss for windows สถิติที่ใช้ได้แก่ ค่าเฉลี่ย ค่าร้อยละ ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานในขั้นตอนการพัฒนาระดับ จรรยาบรรณ กลุ่มตัวอย่างได้แก่ ตัวแทนประกันชีวิตในโครงการพัฒนาพลังขายใหม่ สังกัดบริษัท ไทยสมุทรประกันชีวิต จำกัด จำนวน 36 คน เก็บรวบรวมข้อมูลด้วยตนเองแบบมีส่วนนร่วมและไม่มีส่วนร่วม โดยการสังเกต สัมภาษณ์ วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้ความเป็นเหตุเป็นผลและผสมผสานข้อมูลที่ค้นพบกับ หลักธรรมและคำสอนในแนวพุทธศาสนา และพรรณาวิเคราะห์ (Analytical Descn1ption) ผลการวิจัยพบว่า 1. ระดับจรรยาบรรณวิชาชีพของตัวแทนประกันชีวิตใน จังหวัดพิษณุโลกโดยภาพรวมอยู่ในระดับปานกลาง และเมื่อพิจารณาเป็นรายข้อ พบว่า มีระดับปานกลางในทุกข้อ 2.หลักการและประเด็นในการพัฒนาจรรยาบรรณวิชาชีพของตัวแทนประกันชีวิตในทุกข้อเริ่มจากตัวแทน ต้องมีสัมมาทิฎฐิ เป็นพลังนำไปสู่การตั้งปณิธานยึดมั่น และปฏิบัติตามจรรยาบรรณวิชาชีพจนเกิดการพัฒนายิ่ง ๆ ขึ้นไป 3.ตัวแทนประกันชีวิต ที่ได้รับการอบรม และร่วมกิจกรรมตามแนวพุทธศาสนาในภาพรวมตัวแทน ประกันชีวิตมีสัมมาทิฏฐิเกิดศรัทธาในอาชีพนำไปสู่การตั้งปณิธาณที่จะยึดมั่นในจรรยาบรรณวิชาชีพตัวแทน ส่งผลในการปฏิบิตงานอย่างจริงจัง จนประจักผลในทางที่ดีขึ้น 4. ตัวแทนประกันชีวิตเกิดสัมมาทิฎฐิ ด้วย 2 ปัจจัย คือ ปรโตโฆสะ หรือได้สดับแต่ผู้อื่น (กัลยณมิตร) และโยนิโสมนสิการ หรือการทำในใจโดยแยบคาย 5.การนำสัมมาทิฎฐิสู่การพัฒนาจรรยาบรรณวิชาชีพของตัวแทนประกันชีวิตให้สูงขึ้นนั้นตัวแทนประกันชีวิตต้องยึดมั่นหลักธรรม อิทธิบาท 4
  • รายการการเข้าถึงแบบเปิด
    การวิจัยและพัฒนาระบบการบริหารจัดการคุณภาพการศึกษาด้านการจัดทำหลักสูตรแบบบูรณาการโรงเรียนบ้านวังดินสอ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาพิษณุโลก เขต 2
    (มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม, 2549) มรรค กันมา; วีราพร พงศ์อาจารย์; อภิวันท์ ชาญวิชัย
    การวิจัยครั้งนี้มีจุดประสงค์เพื่อศึกษาสภาพปัญหา และพัฒนาระบบการบริหารจัดการคุณภาพการศึกษาด้านการจัดทำหลักสูตรแบบบูรณาการ ทดลองใช้และประเมินผลการใช้ระบบของโรงเรียนบ้านวังดินสอ ตำบลวังนกแอ่น อำเภอวังทอง สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาพิษณุโลก เขต 2 วิธีดำเนินการวิจัย โดยใช้การวิจัยเชิงปฏิบัติการแบบมีส่วนร่วม(PAR) และกระบวนการวงจรคุณภาพ PDCA ซึ่งมี 4 ขั้นตอน ได้แก่ การเตรียมการพัฒนาระบบการบริหารจัดการคุณภาพการศึกษาด้านการจัดทำหลักสูตรแบบบูรณาการ การนำระบบไปใช้การประเมินผล การนำผลการประเมินไปปรับปรุงแก้ไข ผลการวิจัยพบว่า โรงเรียนมีปัญหานักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนต่ำคุณลักษณะของนักเรียนยังไม่เป็นที่น่าพอใจ ครูมีภาระการสอนมากและขาดความรู้ความเข้าใจในเรื่องหลักสูตรการศึกษา พฤติกรรมการสอนไม่เป็นไปตามแนวทางการปฏิรูปการเรียนรู้ส่วนใหญ่สอนไม่ตรงตามสาขาวิชาที่เรียนมาและมีส่วนร่วมในการบริหารจัดการศึกษาของโรงเรียนน้อย การติดตามประเมินผลการปฏิบัติงานของครุไม่สอดคล้องกับวัตถุประสงค์และตัวบ่งชี้ของการพัฒนาครู การพัฒนาระบบการบริหารจัดการด้านการจัดทำหลักสูตรแบบบูรณาการ ทำฝห้ได้ระบบการจัดทำหลักสูตรแบบบูรณาการที่ส่งเสริมภูมิปัญญาท้องถิ่น โดยใช้กระบวนการ PDCA และการมีส่วนร่วม(PAR) ของบุคลากรที่เกี่ยวข้องทุกฝ่าย ผลการทดลองใช้ระบบ ครูสามารถจัดการเรียนการสอนแบบบูรณาการที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญได้ดี เข้าใจวิธีการจัดทำหลักสูตรแบบบูรณาการ แผนการจัดการเรียนรู้ การวัดและประเมินผลการจัดการเรียนรู้ ครูมีความกระตือรือร้นและเกิดความมั่นใจในการทำงานมากยิ่งขึ้น มีความรู้สึกที่ต่อการบริหารการศึกษาเป็นวิธีกระตุ้นให้ครูพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่องส่งผลดีต่อการจัดการเรียนรู้ นักเรียนมีผลการเรียนและพฤติกรรมดีขึ้น แสดงว่าระบบดังกล่าวมีความสัมฤทธิ์ผลและบรรลุตามจุดประสงค์ที่กำหนดไว้
  • รายการการเข้าถึงแบบเปิด
    ปัจจัยที่ส่งผลต่อความสำเร็จในการบริหารโรงเรียนแกนนำการเรียนร่วมดีเด่นภาคเหนือตอนล่าง ปีการศึกษา 2548
    (มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม, 2549) อารีย์ เพลินชัยวาณิช; ศิริวิมล ใจงาม; อดุลย์ วังศรีคูณ
    ในการวิจัยครั้งนี้จุกมุ่งหมายเพื่อศึกษาสภาพปัจจัยในการบริหารโรงเรียนแกนนำจัดการเรียนร่วมดีเด่นของภาคเหนือตอนล่าง ปีการศึกษา 2548 ศึกษาสภาพความสำเร็จในการบริหารโรงเรียนแกนนำจัดการเรียนร่วมดีเด่น และศึกษาปัจจัยที่ส่งผลต่อความสำเร็จในการบริหารโรงเรียนแกนนำการเรียนร่วมดีเด่น โดยกลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยได้แก่ ผู้บริหาร ครูและผู้ปกครอง ในโรงเรียนแกนนำจัดการเรียนร่วมดีเด่นของภาคเหนือตอนล่าง ปีการศึกษา 2548 จำนวน 19 โรงเรียน รวม 373 คนโดยการสุ่มแบบหลายขั้นตอน เครื่องมือที่ใช้เป็นแบบสอบถามชนิดมาตราส่วนประมาณค่า (Rating Scale) 5 ระดับ และวิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้ค่าความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานและการถดถอยพหุคูณ ผลการวิจับพบว่า สภาพปัจจัยในการบริหารโรงเรียนแกนนำจัดการเรียนร่วมดีเด่นของภาคเหนือตอนล่าง ปีการศึกษา 2548 ทั้ง 4 ด้าน คือ ด้านพฤติกรรมหรือคุณลักษณะที่ดีและจำเป็นของผู้บริหาร ด้านคุณลักษณะที่จำเป็นของครู ด้านการจัดหรือใช้สิ่งอำนวยความสะดวก สื่อ บริการและความช่วยเหลือ อื่นใดทางการศึกษา และด้านการบริหารแบบมีส่วนร่วมโดยใช้โครงสร้างซีท(SEAT) ทั้งในภาพรวมและรายด้านอยู่ในระดับมาก สภาพความสำเร็จในการบริหารโรงเรียนแกนนำจัดการเรียนดีเด่นในภาพรวมอยู่ในระดับมาก และเมื่อแยกเป็นรายด้าน คือ ด้านความพึงพอใจที่มีต่อสภาพการจัดการเรียนร่วมและความก้าวหน้าของเด็กที่มีความต้องการพิเศษอยู่ในระดับมากเช่นเดียวกัน ปัจจัยที่ส่งผลต่อความสำเร็จในการบริหารในโรงเรียนแกนนำจัดการเรียนร่วมดีเด่นในภาพรวมคือ ด้านการบริหารแบบมีส่วนร่วมโดยใช้โครงสร้างซีท(SEAT) และด้านคุณลักษณะที่จำเป็นของครู(TEACHER) ได้สมการถดถอยพหุคูณเชิงเส้นตรง ดังนี้ ถ้า ŷ และ Zหมายถึง ความสำเร็จในการบริหารโรงเรียนแกนนำจัดการเรียนร่วมดีเด่นในภาพรวม ที่ได้จากการพยากรณ์ในรูปคะแนนดิบ และรูปคะแนนมาตรฐาน ตามลำดับ จะได้สมการคือ ŷ = 0.87+0.45 SEAT+0.33 TEACHER Z = 0.51Z SEAT + 0.35 Z TEACHER
  • รายการการเข้าถึงแบบเปิด
    การศึกษาพฤติกรรมการใช้พลังงานไฟฟ้าของบุคคลที่ผ่านการฝึกอบรมภายใต้โครงการศูนย์สาธิตเทคโนโลยีประสิทธิภาพพลังงาน จังหวัดพิษณุโลก ปีงบประมาณ 2545
    (มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม, 2546) เอื้อบุญ ที่พึ่ง; บุญรักษ์ ตัณฑ์เจริญรัตน์; กุลยา จันทร์อรุณ; สุภาพ รมณีย์พิกุล
    การวิจัยครั้งนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อศึกษาและเปรียบเทียบพฤติกรรมการใช้พลังงานไฟฟ้าของบุคคลก่อนและหลังการฝึกอบรม ภายใต้โครงการศูนย์สาธิตเทคโนโลยีประสิทธิภาพพลังงาน จังหวัดพิษณุโลก ในด้าน ความรู้ด้านพลังงาน ความรู้ด้านการประหยัดพลังงานไฟฟ้า พฤติกรรมด้านการใช้พลังงานไฟฟ้า กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้เป็นบุคคลที่ผ่านการฝึกอบรมภายใต้โครงการศูนย์สาธิตเทคโนโลยีประสิทธิภาพพลังงาน จังหวัดพิษณุโลก จำนวน 241 คน ซึ่งได้มาโดยวิธีการสุ่มแบบแบ่งชั้น (stratified random sampling) เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยเป็นแบบสอบถามชนิดมาตราส่วนประมาณค่า (rating scale) และแบบสัมภาษณ์ วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้โปรแกรม SPSS สถิติที่ใช้คือค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่าความเบี่ยงเบนมาตรฐาน และเปรียบเทียบความแตกต่างโดยใช้การทดสอบค่าที (t-test) การทดสอบค่าเอฟ (F-test) ผลการวิจัยพบว่า 1.พฤติกรรมการใช้พลังงานไฟฟ้าของกลุ่มตัวอย่างก่อนและหลังการฝึกอบรม มีพฤติกรรมการปฏิบัติด้านการใช้พลังงานไฟฟ้า ก่อนเข้ารับการฝึกอบรมอยู่ในระดับปฏิบัติเป็นบางครั้ง และมีพฤติกรรมการปฏิบัติด้านการใช้พลังงานไฟฟ้าหลังเข้ารับการฝึกอบรมอยู่ในระดับการปฏิบัติมาก 2.พฤติกรรมการใช้พลังงานไฟฟ้าของกลุ่มตัวอย่างก่อนและหลังการฝึกอบรม เพศชายและเพศหญิง มีพฤติกรรมการปฏิบัติก่อนการฝึกอบรมอยู่ในระดับปฏิบัติเป็นบางครั้ง และมีพฤติกรรมการปฏิบัติหลังเข้ารับการฝึกอบรมอยู่ในระดับปฏิบัติมาก 3.พฤติกรรมการใช้พลังงานไฟฟ้าของกลุ่มตัวอย่าง หลักสูตรระดับพื้นฐาน มีพฤติกรรมการปฏิบัติก่อนเข้ารับการฝึกอบรมอยู่ในระดับปฏิบัติมาก ส่วนหลักสูตรระดับกลาง และหลักสูตรระดับสูง มีพฤติกรรมการปฏิบัติอยู่ในระดับปฏิบัติเป็นบางครั้ง พฤติกรรมการปฏิบัติหลังเข้ารับการฝึกอบรมหลักสูตรระดับพื้นฐาน และหลักสูตรระดับกลาง มีพฤติกรรมการปฏิบัติอยู่ในระดับมาก ส่วนหลักสูตรระดับสูงมีพฤติกรรมการปฏิบัติอยู่ในระดับมากที่สุด 4.การเปรียบเทียบพฤติกรรมการใช้พลังงานไฟฟ้าของกลุ่มตัวอย่าง ก่อนและหลังการฝึกอบรม ในภาพรวมแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 5.การเปรียบเทียบพฤติกรรมการใช้พลังงานไฟฟ้าของกลุ่มตัวอย่าง ก่อนและหลังการฝึกอบรม เพศชายและเพศหญิงมีพฤติกรรมการใช้พลังงานไฟฟ้าก่อนเข้ารับการฝึกอบรมในภาพรวม ไม่แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 ส่วนพฤติกรรมการใช้พลังงานไฟฟ้าหลังเข้ารับการฝึกอบรม ในภาพรวม ไม่แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ 6.การเปรียบเทียบพฤติกรรมการใช้พลังงานไฟฟ้าของกลุ่มตัวอย่าง ก่อนและหลังการฝึกอบรม แยกตามหลักสูตร มีพฤติกรรมการใช้พลังงานไฟฟ้า ในภาพรวม แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05